"สุเทพ" ซัดกัมพูชาแสบ เปิดฉากยิงปืนใหญ่ถล่มไทยอีกระลอก ชี้เป็นผลสืบเนื่องจากข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร คาดใช้เวลาอีกสักระยะถึงหยุดยิงได้ ยันไม่ให้ประเทศที่สามเข้ามาสังเกตการณ์พื้นที่ชายแดน ห่วงปืนใหญ่ตกใกล้ รพ. จี้เร่งอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่...
เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ที่กองการบินขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา ที่บริเวณปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ว่า ล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 23 เม.ย. ได้เกิดการปะทะกันอีกรอบ เพราะทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่เข้ามายังฝั่งไทย จึงต้องตอบโต้ ซึ่งเป็นเรื่องสืบเนื่องมาจากการปะทะกันเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ทั้งนี้เราพยายามไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย พยายามเจรจาหยุดยิง แต่กัมพูชายังยิงปืนใหญ่ใส่ไทยอีกเมื่อเช้าวันที่ 23 เม.ย. เป็นธรรมดาที่บริเวณพื้นที่ปะทะกัน กว่าจะเจรจาหยุดยิงกันได้ คงต้องใช้เวลา ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตฝ่ายไทย ขณะนี้มี 3 นาย ในจำนวนนี้ยังนำศพลงมาไม่ได้ 1 นาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ปะทะกันที่ จ.สุรินทร์ เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัญหาชายแดนปราสาทพระวิหารหรือไม่ นายสุเทพ ตอบว่า ระหว่างที่ยังมีปัญหาการปักปันเขตแดนให้ถูกต้อง ต่างฝ่ายต่างอ้างว่า เป็นพื้นที่ของตัวเอง ย่อมมีโอกาสจะกระทบกระทั่งกันได้ อยู่ที่รัฐบาลสองประเทศต้องหาทางแก้ปัญหาโดยไม่ให้มีการสู้รบกัน
เมื่อถามว่า ดูเหมือนกัมพูชาไม่ยอมเจรจากับฝ่ายไทยเพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาท นายสุเทพ ตอบว่า ต้องพยายามต่อไป ไม่มีอะไรที่จะทำให้สำเร็จภายใน 1-2 วัน สงครามที่ใหญ่กว่านี้ยังเจรจาให้สงบกันได้ เมื่อถามว่า ถึงเวลาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต้องเจรจาโดยตรงกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพื่อยุติปัญหาข้อพิพาทหรือยัง นายสุเทพ ตอบว่า นายกฯ แสดงท่าทีชัดเจนว่า ประเทศไทยมีความปรารถนาดีที่จะอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างสันติ หากขัดข้องหมองใจกัน ก็อยากให้เจรจากัน ส่วนที่กัมพูชาพยายามสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรงตามแนวชายแดน เพื่อให้ประเทศที่สามเข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่นั้น ยืนยันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ทั้งสองประเทศต้องคุยกันเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีชาวบ้านบางส่วนไม่ยอมออกจากพื้นที่การปะทะกัน นายสุเทพตอบว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ชาวบ้านอาจลังเลใจเรื่องการอพยพ เนื่องจากเห็นว่า เป็นเรื่องเล็กน้อย และจะยุติได้เร็ว แต่มาวันนี้ที่มีการปะทะกันอีกรอบ ก็จำเป็นที่ทางการต้องดูแลความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งปืนใหญ่ที่ยิงเข้ามาก็มาเกือบถึงโรงพยาบาลในอำเภอ จึงต้องดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนเป็นพิเศษ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดและแม่ทัพภาคมีแผนรองรับไว้แล้ว.
...