"สนธิ"ควง"ธิดา"ออกทีวีโต้เดือด"ทหารปฏิวัติ"หรือไม่ ขณะที่"สนธิ"ยันไม่มีปัจจัยเอื้อให้เกิดการปฏิวัติ ชี้ทหารไม่สามารถไปทำอะไรบนความขัดแย้งที่แตกต่าง ด้าน"ธิดา"ไม่สน!เปิดแผนต้านปฏิวัติ 2 ก.พ.นี้...
เมื่อวันที่ 1 ก.พ.พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)เปิดเผยผ่านรายการ"คมชัดลึก"ถึงกระแสข่าวลือจะมีการปฏิวัติ โดยยืนยันว่า ไม่มีความจำเป็นที่ทหารจะออกมาปฏิวัติ ยังมีประชาชนอีกส่วนหนึ่งมองว่า ประเทศไทยยังไปได้อยู่ อีกทั้งทหารก็มองว่า มันถึงเวลาที่สมควรหรือไม่ ทหารมองหลายชั้น ทั้งรัฐบาล และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น เชื่อว่า ขณะนี้ทหารนั้นรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี โดยเฉพาะยังมีประชาชนอีกส่วนหนึ่งที่มองว่า เศษฐกิจยังดี จึงไม่ซีเรียสกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นอยู่ในเวลานี้ โดยเฉพาะต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้น เริ่มมาจากเรื่องของการเมือง จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่บ้านเมืองจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงใดในเวลานี้
ส่วนที่มองหากมีจะมีการปฏิวัติ ต้องดูบุคลิกผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ในยุคนั้นๆ พล.อ.สนธิ ยืนยันว่า ไม่จำเป็น เนื่องจากบุคลิกภาพของคนที่จะมาเป็น ผบ.ทบ.แต่ละคนไม่่เหมือนกัน ทุกคนอาจจะคิดเหมือนกันก็ได้ แต่ก็ต้องดูปัจจัยของความพร้อม โดยเฉพาะปัจจัยของความควรหรือไม่ควรอย่างไร มันอยู่ที่การวิเคราะห์และพิจารณา อย่างไรก็ตามตนในฐานะนายทหารรุ่นพี่ คงจะเดาหรือตอบแทนความคิดนายทหารรุ่นน้องไม่ได้ คำว่าประชาธิปไตย แต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน เช่นกันกับทหาร ทุกคนก็อยากเป็นทหารประชาธิปไตยเหมือนกัน จึงมีความคิดไม่เหมือนกัน ความคิดของแต่ละบุคคลมันมีรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนมีความคิดอยู่อย่างหนึ่งที่คล้ายกัน คือ ความจงรักภักดีกับชาติบ้านเมือง
นอกจากนี้ พล.อ.สนธิ ยังไม่เชื่อจะมีการปฏิวัติอย่างที่เป็นข่าว อีกทั้งยังไม่ให้ความสำคัญ ไม่สนใจ เนื่องจากไม่มีปัจจัยที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างเช่นนั้นขึ้น โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ต้องดูปัจจัยอย่างรอบด้าน ควรจะเกิด หรือไม่ โดยเฉพาะเวลานี้ไม่มีปัจจัยอะไร ที่จะทำให้เกิดการปฏิวัติขึ้น อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในปี 2554 มันแตกต่างกับเมื่อปี 2549 อย่างสิ้นเชิง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยอมรับ มันมีบางส่วนที่เหมือนกับปี 2549 และบางส่วนที่แตกต่าง จะไปเปรียบเทียบในตอนนั้นกับตอนนี้มันคนละสถานะกัน มันเทียบกันไม่ได้ ทั้งเหตุการณ์และปัจจัย มันไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง ปัจจุบันสังคมเกิดความแตกแยก ทหารไม่สามารถไปทำอะไรบนความขัดแย้งที่แตกต่าง มันจะทำให้กองทัพไม่สามารถคอนโทรลปัญหาได้ ทหารต้องคิดให้หนัก ผบ.ทบ.จะคิดหรือตัดสินใจอะไรก็ตามต้องระวัง ทหารจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองเมื่อใดจะยุ่งทันที
ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)กล่าวว่า การปฏิวัติจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะจากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเวลานี้ การปฏิวัติไม่สามารถเกิดขึ้นจากปัจจัยประชาชน ไม่มีประชาชนที่ใดในโลกนี้เหมือนกับประเทศไทย ที่อยากให้ทหารทำการปฏิวัติ ยกเว้นจะอยู่ในยุคที่เป็นเผด็จการและมีทหารก้าวหน้ามาทำ ซึ่งทหารก้าวหน้าชุดเดียวก็ไม่มีหลักประกันว่า จะเป็นเผด็จการชุดใหม่ ดังนั้นปัจจัยจึงไม่ใช่มาจากประชาชน ปัจจุบันกำลังมีกลุ่มบุคคลพยายามทำให้การเมืองปั่นป่วน แล้วออกมาเรียกร้อง ทำตัวเหมือนกองกำลังนอกระบบ ที่อ้างตัวเป็นประชาชนแล้วเข้ามาร่วมเหมือนกรณี 6 ต.ค.2519 ทำให้เกิดความปั่นป่วน แต่เท่าที่ดูการชุมนุมในปัจจุบัน คนมาร่วมชุมนุมน้อยกว่าในอดีต กองกำลังส่วนหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองหนึ่ง ได้ถอนตัวไม่ร่วมชุมนุม จึงเกิดเป็นความขัดแย้ง เมื่อวิเคราะห์จึงเห็นชัดเจน ถึงความขัดแย้ง อีกทั้งยังไม่สามารถทำให้ประชาชนมาเข้าร่วมชุมนุมได้เป็นจำนวนมาก
ส่วนการที่ออกมาระบุ 10 ก.พ.2554 จะเกิดการปฏิวัตินั้น นางธิดา กล่าวว่า มีสิ่งบอกเหตุ จึงพร้อมตีกลองร้องเป่าให้ประชาชนได้รับรู้ และระวัง ตนไม่เชื่อกองทัพจะมาแคร์ประชาชน ถ้ากลัวประชาชนจริง อดีตคงไม่มีการปฏิวัติ และในวันที่ 2 ก.พ.จะประกาศแผนการต้านการปฏิวัติรัฐประหารว่า ควรจะทำอย่างไรบ้าง หวังป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนในอดีตซ้ำขึ้นมาอีก ปัญหาในปัจจุบันมาจากความขัดแย้งส่วนบุคคล กองกำลัง หรือกลุ่มผู้ชุมนุม พรรคการเมือง อยู่ในกลุ่มเดียวกันหมด ประชาชนจะเสียประโยชน์หากเกิดการปฏิวัติ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯจะเป็นอย่างใด ต้องให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการ หากนำมาเปรียบเทียบกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เราไม่ต้องการให้การปฏิวัติเกิดขึ้นเพื่อล้มรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เราไม่ได้ยึดติดกับบุคคล แต่ยึดติดกับหลักการ ไม่ว่าจะล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ หรือ นายอภิสิทธิ์ ไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น ส่วนหากเกิดการปฏิวัติจริง ก็มีตัวเลือกคนที่จะมาเป็นนายกฯแล้ว แต่คงวิจารณ์ไม่ได้ เราไม่ยึดติดกับบุคคล วันที่ 10 ก.พ.จะออกมาตรการ สร้างความตื่นตัวให้กับประชาชน ปกป้องสิทธิเสรีภาพของตนเอง อีกทั้งไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เหตุการณ์นี้มาเรียกร้องให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง.
...