พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์
ที่ประชุมศอฉ. มีมติยกเลิกคำสั่งให้ยึด อายัดสินค้าแตกแยก เตรียมประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หากเหตุการณ์สงบเรียบร้อย...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 พ.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นประธานในการประชุม ศอฉ.โดยมี พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ ( ดีเอสไอ) และนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ ผอ.ข่าวกรองแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม
จากนั้น พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. แถลงผลการประชุมว่า ได้สั่งเตรียมการดูแลการรักษาความสงบ และถวายความปลอดภัยในงานวันเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 1-9 ธ.ค.2553 ซึ่งที่ประชุมมอบหมายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยว่า กิจกรรมในแต่ละส่วน แต่ละพื้นที่เกี่ยวข้องกับองค์กรไหนบ้าง และต้องพึ่งพาองค์กรใดบ้าง เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาวางแผนดูแลโดยประสานงานกับกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย องค์กรที่จัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ กองทัพเรือ และ หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือ ถึงแผนการใช้กำลัง รวมถึงยังไม่ได้เสนอ แผนการรักษาความปลอดภัย แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมแผนเอาไว้เบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตามงานเฉลิมฉลอง 5 ธันวาฯ เป็นงานของส่วนราชการต่างๆ ที่ช่วยกันจัด จึงอยากให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ดูแลความปลอดภัย และประสานงานโดยเฉพาะเรื่องของกระบวนเรือที่จะมาเข้าร่วมงานกว่า 800 ลำ หากได้รับข้อมูลทั้งหมดแล้วทาง ผบ.เหล่าทัพ จะมาร่วมหารือ วางแผนร่วมกันอีกครั้ง
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับฟังคำชี้แจงถึงความคืบหน้าในการดำเนินคดีๆ ต่างจาก ดีเอสไอ นอกจากนี้ทางฝ่ายข่าวของ ศอฉ.ได้ชี้แจงถึงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร และ นปช.ที่ผ่านมาว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีการการกระทำใดๆ ที่หมิ่นเหม่เข้าข่ายการหมิ่น ดังนั้น ความจำเป็นในการดำเนินคดีตามคำสั่งของ ศอฉ.ที่เคยประกาศในคำสั่งที่ 141/2553 เรื่องให้พนักงานและเจ้าหน้าที่มีอำนาจในการออกคำสั่ง ยึด หรืออายัดสินค้า หรือวัตถุที่ก่อให้เกิดความแตกแยก ขณะนี้ ความจำเป็นนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ที่ประชุม ศอฉ.จึงมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ควรยกเลิกประกาศนี้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หากพบว่ามีการเตรียมการกระทำการในลักษณะหมิ่นเหม่ต่อสถาบัน ทาง ศอฉ.มีความจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกัน ซึ่งสามารถที่จะประกาศคำสั่งลักษณะเดียวกันได้อีกหากมีความจำเป็น ส่วนกรณีที่จะมีการชุมนุมของกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองวันที่ 11 ธ.ค. นั้น
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลความสงบ ทาง ศอฉ. คิดว่าหากมีการจัดกิจกรรมต่างๆ จะใช้หน่วยงานหลักอย่าง กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) เป็นผู้ดูแล และ เมื่อเกินขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางศอฉ.จะจัดกำลังทหารเข้าไปสนับสนุน หากสามารถใช้องค์กรหลักในการดูแลความสงบเรียบร้อยต่อไป พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาจจะค่อยๆ ลด หรือยกเลิกไป เพราะเราต้องการให้เป็นงานของหน่วยงานหลัก ซึ่ง ศอฉ. เป็นหน่วยงานชั่วคราว คงจะอยู่ต่อไปนานๆ คงไม่ได้ เมื่อถามว่า การชุมนุมที่ผ่านไปด้วยดี ทำให้สถานการณ์ไว้วางใจได้หรือยัง พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า การชุมนุมที่ผ่านมาทั้งสองครั้ง ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากแกนนำ ซึ่งจะทำให้การจัดกิจกรรมในโอกาสต่อไป ทำให้เจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมสามารถดูแลกันได้
...