รัฐบาลงานเข้าทูตญี่ปุ่นกดดันดีเอสไอคลายปมสังหารนักข่าวที่ถูกยิงตายกลางม็อบเสื้อแดงเผย 10 เม.ย.ปีหน้า เมียนักข่าวจะมาไทยครบรอบ 1 ปีผัวตาย ด้านดีเอสไอรับมืดแปดด้านควานหาหลักฐานไม่เจอ ผอ.สันติวิธีเตือน "ธาริต" อย่าทำชาติพังเพื่อการเมือง...
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 18 ต.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการติดตามสถานการณ์บ้านเมือง วุฒิสภา มีนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ประธานคณะกรรมการฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณากรณีการเสียชีวิตของนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างการขอคืนพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ และถนนราชดำเนิน โดยเชิญนายโนบุเอกิ อิโตะ อัครราชทูตฝ่ายการเมืองญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นายจุน มารุยาม่า เลขานุการเอกและผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจ นายซึคาสะ โอโมริ เลขานุการโท พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 พ.ต.ท.รองผกก.สส.สน.พลับพลาไชย 1 พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.นางเลิ้ง และพ.ต.ท.ไพศิษฎ์ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการส่วนกิจการต่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าชี้แจง
โดย พ.ต.อ.วีรวิทย์ รอง ผบก.น.1 ชี้แจงว่า เหตุเกิดประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 10 เม.ย. ตำรวจได้สอบสวนถึงวันที่ 19 เม.ย. ก่อนที่ดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษ ทำให้ตำรวจสอบสวนได้แค่เบื้องต้น ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าผู้ตายตายจากสาเหตุใด ต้องให้ทางนิติวิทยาศาสตร์สอบสวน
พ.ต.อ.รังสรรค์ ผกก.สน.นางเลิ้ง ชี้แจงว่าเหตุเกิดที่หัวมุมถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ที่มีการปะทะระหว่างทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ตอนนั้น สน.นางเลิ้งไม่ทราบเหตุ เพราะรักษาความสงบที่อื่นอยู่ จนเช้าวันที่ 11 เม.ย. จึงเข้ามาสอบสวนที่เกิดเหตุ และได้คุยกับช่างภาพหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ทราบว่าเวลา 21.10 น. วันที่ 10 เม.ย. มีคนอุ้มนายมูราโมโต้ ออกมาจากถนนดินสอไปส่งที่โรงพยาบาลกลาง เจ้าหน้าที่จึงพยายามสอบหลักฐานอื่น แต่ก็มีเพียงปากเดียวบอกว่าอุ้มออกมาจากถนนดินสอ จนวันที่ 19 เม.ย. ต้องส่งรายงานให้ดีเอสไอสอบสวนต่อ รวมถึงรายงานของกองพิสูจน์หลักฐานเรื่องวิถีกระสุนด้วย
พ.ต.ท.วรชาติ รองผกก.สน.พลับพลาไชย 1 ชี้แจงว่า ผู้เสียชีวิตมาถึงโรงพยาบาลกลางเวลา 21.14 น. วันที่ 10 เม.ย. พบบาดแผลหน้าอกซ้าย 1 รู นอกนั้นเป็นบาดแผลฟกช้ำ วันที่ 11 เม.ย. มีการส่งศพ วันที่ 12 เม.ย. ชันสูตรพลิกศพพบว่าผู้เสียชีวิตโดนกระสุนปืนความเร็วสูง ตัดขั้วหัวใจทะลุปอดซ้ายไปขวา หน้ามาหลัง ล่างขึ้นบน จากนั้นกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นเข้ามาร่วมการชันสูตรพลิกศพด้วย จากนั้นได้ส่งสำนวนทั้งหมดไปให้ดีเอสไอ
ด้าน พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ ผอ.ส่วนกิจการต่างประเทศ ดีเอสไอ ชี้แจงว่า ผลการสอบสวนเบื้องต้น ดีเอสไอประสานขอข้อมูลกล้องวงจรปิดซีซีทีวีบริเวณถนนดินสอ แต่ไม่พบภาพนายมูราโมโต้ ปรากฏบริเวณถนนดินสอ มีบางส่วนที่เห็นเสื้อผ้าที่คาดว่าจะเป็นนายมูราโมโต้ จึงประสานขอภาพที่นายมูราโมโต้บึนทึกไว้ในกล้อง แต่ไม่มีภาพที่คาดว่าถ่ายไว้ก่อนถูกยิง ก็ไม่มีภาพยิง ภาพสุดท้ายคือเห็นร้านอาภรณ์ ถนนดินสอ ซึ่งดีเอสไอพยายามติดตามพยานที่เห็นมาให้ปากคำ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แม้จะประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ ซึ่งพยานสำคัญคือ กลุ่มคนที่อุ้มนายมูราโมโต้ ขึ้นรถพยาบาล แต่ก็ยังไม่มีการติดต่อมา
ส่วนรายงานการชันสูตรพลิกศพ ถูกกระสุนปืนความเร็วสูง เข้าที่แขนขวาด้านหลังทะลุไปข้างหน้า ดีเอสไอพยายามตรวจดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุ และพยายามติดตามพยานคือนักข่าวญี่ปุ่นเพื่อนของนายมูราโมโต้ ซึ่งสอบปากคำแล้วทราบว่าแยกกันก่อนเกิดเหตุจนเสียชีวิต 1 ชั่วโมง ส่วนผลการตรวจดีเอ็นเอหาจุดที่ล้มลง เพื่อง่ายต่อการจำลองวิถีกระสุน แต่ผลการตรวจไม่ตรงกับเลือดนายมูราโมโต้ ไปตรงกับคนไทย 2-3 ราย ทำให้ข้อมูลส่วนนี้มืดไปอีก
พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ กล่าวต่อว่า วันที่ 18 เม.ย. ได้ทำแผนจำลองที่เกิดเหตุให้เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นดู แต่ทางญี่ปุ่นมีประเด็นติดใจ 2 ประเด็น คือ วิถีกระสุนมาจากแนวราบหรือแนวสูง และจุดที่นายมูราโมโต้ โดนยิงอยู่ตรงไหน ระหว่างในกลุ่มทหาร ในกลุ่มเสื้อแดง หรือระหว่างทหารและเสื้อแดง ยืนยันว่าดีเอสไอให้ความสำคัญกับคดีนี้ มีการแยกชุดสอบสวนเรื่องนี้โดยตรง แต่การหาพยานยาก อธิบดีดีเอสไอ จึงอนุมัติให้รางวัลแก่พยานที่ชี้เบาะแสในกรณีนี้รวมถึงกรณีอื่นๆ ซึ่งกำลังกำหนดระเบียบการอยู่ และกำลังนัดแนะฝ่ายทหารให้มาให้ข้อมูลด้วย และเปิดศูนย์รับแจ้งข้อมูลผู้เสียชีวิต แต่ยังไม่ได้ข้อมูลจากผู้อยู่ในเหตุการณ์มากนัก ส่วนใหญ่เป็นคนเสื้อแดงเราจึงต้องชั่งน้ำหนักความน่าเชื่อถือ เพราะต้องระวังการใช้อารมณ์ร่วม เราต้องยึดหลักนิติวิทยาศาสตร์ และไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะกันไว้เป็นพยานได้หรือไม่ ต้องดูเป็นกรณีไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นส.ว.หลายคนได้ซักถามข้อมูลพร้อมตั้งข้อสังเกตในความน่าเชื่อถือการสอบสวนของดีเอสไอ เพราะถือเป็นคู่กรณีโดยตรงของกลุ่มคนเสื้อแดง โดย พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี ส.ว.สรรหา กล่าวว่าคดีนี้ถือเป็นคดีใหญ่ที่มีความสำคัญมาก ปกติคดีใหญ่ๆแบบนี้จะมีการตั้งนายตำรวจระดับ พล.ต.อ. หรือระบ รอง ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าทีมสอบสวน แต่นี่กลับใช้ระดับผู้กำกับและพนักงานสอบสวนธรรมดา แต่คดีเล็กๆ น้อยๆ กลับให้ตำรวจใหญ่ลงมาคุมทีมสอบเอง ปกติคดีสำคัญแบบนี้หากมีคนตาย 100 คน ต้องแยกเป็น 100 ชุด และดีเอสไอก็ทำเหมือนเกรงใจรัฐบาล ที่เป็นคนสั่งการในเรื่องนี้ หรือรู้สึกเกรงใจทหารเพราะอธิบดีดีเอสไอก็อยู่ใน ศอฉ. ที่มีทหารอยู่ในนั้นด้วย
"จึงมีข้อสงสัยว่าจะให้ความเป็นธรรมอย่างไร เชื่อถือได้หรือไม่ ผ่านมากี่เดือนแล้วยังไม่รู้เลยว่าใครยิง ช่างภาพสื่อมวลชนรู้หมดแต่ดีเอสไอไม่รู้ เชื่อว่าถ้าเป็นอย่างนี้คงไม่มีทางรู้ความจริง" พล.ต.ท.ยุทธนา กล่าว
ด้าน นายโนบุเอกิ อิโตะ อัครราชทูตฝ่ายการเมืองฯ กล่าวว่า ทางญี่ปุ่นเข้าใจในสถานการณ์ดี คดีนี้มีผู้เสียชีวิตถึง 91 คน บาดเจ็บอีกกว่า 2,000 ราย รวมผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นและอิตาลี การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ย่อมมีความยากลำบาก แต่ดีเอสไอถือเป็นศูนย์กลางในการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ แต่ตนมีคำถามที่อยากถามดีเอสไอว่า ที่ระบุว่าสิ้นเดือน ส.ค. จะได้คำอธิบายจากดีเอสไอถึงความกระจ่างชัดในการสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของนายมูราโมโต้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลหรือคำอธิบายใหม่ๆ เลย จึงอยากถามว่าการสอบสวนมีความคืบหน้าบ้างหรือไม่
"เราทราบว่าทั้งนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงขณะนั้น ออกมายืนยันเมื่อปลายเดือน ส.ค.ว่าจะเร่งสอบสวนให้เสร็จภายใน 60 วัน ให้ได้ข้อสรุป ขณะที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ออกมายืนยันว่าจะสอบสวนให้แล้วเสร็จใน 45 วัน แต่ผมสงสัยว่าจนถึงขณะนี้มีความคืบหน้าไปเท่าไหร่แล้ว มีการสรุปผลออกมาเท่าไหร่ เข้าใจว่าการสอบสวนผู้เข้าร่วมประท้วงคงลำบาก เพราะยังมีพ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ แต่คิดว่าการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่ในเหตุการณ์น่าจะมีความสำคัญ"
นายโนบุเอกิ กล่าวต่อว่า เราต้องทำหน้าที่แทนภรรยาและลูกอีก 2 คนของนายมูราโมโต้ ตอนเกิดเหตุใหม่ๆ ภรรยาเขาถึงขนาดประกาศว่าจะไม่มาประเทศไทยอีก แต่เหตุการณ์ผ่านไปครึ่งปีแล้ว จิตใจของเขาสงบลง และยืนยันว่าจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งในวันที่ 10 เม.ย. 2554 ในวันครบรอบ 1 ปีที่สามีเธอเสียชีวิต จึงหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นทางการไทยจะสามารถจับกุมและลงโทษผู้กระทำผิดได้
พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ ชี้แจงว่า เรื่องความคืบหน้าทางคดีก็อย่างที่บอกว่ายังไม่มีความคืบหน้าไปกว่านั้น แต่ที่เป็นรูปธรรมคือดีเอสไอได้ยกมาตรการชี้เบาะแสข้อมูลด้วยการตั้งเงินรางวัลมาใช้ รวมถึงจะมีการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้ามาปฏิบัติการวันนั้นด้วย โดยวันที่ 19 ต.ค.นี้ ทางสถานทูตญี่ปุ่นมีนัดจะพบปะกับดีเอสไอด้วย ส่วนเอกสารจะส่งผ่านกระทรวงการต่างประเทศ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และกระทรวงยุติธรรมเท่านั้น ทางสถานทูตญี่ปุ่นต้องประสานไปที่หน่วยงานเหล่านี้ ส่วนการสรุปผลการสอบสวนนั้นยังมีประเด็นอีกมาก จึงกำหนดไม่ได้ว่าจะเสร็จเมื่อไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ ชี้แจงถึงตรงนี้ นายโนบุเอกิ อิโตะ ได้แย้งขึ้นมาว่าการนัดพบปะกันระหว่างเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นกับอธิบดีดีเอสไอได้ยกเลิกไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ทั้งประชาชน สื่อมวลชนและทางการญี่ปุ่น ยังคงติดตามความคืบหน้าและให้ความสนใจในคดีดังกล่าวอยู่ การเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของ รมว.ต่างประเทศญี่ปุ่น สื่อมวลชนแขนงต่างๆ ให้ความสนใจติดตามข่าวและลงภาพข่าวการวางช่อดอกไม้ ณ จุดที่นายมูราโมโต้ เสียชีวิตทุกสื่อ ปัจจุบันสื่อมวลชนญี่ปุ่นที่ประจำการอยู่ในประเทศไทยกว่า 30 คนยังโทรสอบถามความคืบหน้าทางคดีทุกสัปดาห์ เราเป็นนักการทูตไม่มีสิทธิที่จะเข้าร่วมการสอบสวนในไทย แต่เราก็มีข้อมูลตรงกันกับฝ่ายตำรวจและดีเอสไอของไทย และข้อมูลที่เรามีก็ส่งให้ดีเอสไอหมดแล้ว พวกเราเข้าใจว่าขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน
พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ ชี้แจงอีกว่า ข้อมูลว่าถูกยิงท่าไหนยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ทราบจุดที่เสียชีวิต แต่กำชับพนักงานสอบสวนแล้วว่ากระสุนความเร็วสูงเป็นกระสุนชนิดอะไร แต่คงยากเพราะศพนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว และยังมีการเคลื่อนย้ายศพจากจุดเกิดเหตุด้วย
ด้าน พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาส ผอ.สำนักสันติวิธี สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า อยากฝากถึงอธิบดีดีเอสไอว่า การเดินทางมาเคารพศพของ รมว.ต่างประเทศญี่ปุ่น ณ จุดที่นายมูราโมโต้เสียชีวิต ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ และการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถานทูตฯ มาร่วมประชุมกับวุฒิสภา ถ้าไม่ใช่เรื่องจำเป็นโดยพิธีทางการทูต จะไม่ทำกัน เรื่องนี้ถือเป็นความมั่นคงของชาติจะใช้อคติทำงานไม่ได้ สิ่งที่น่าตกใจคือการเคลื่อนย้ายศพ ซึ่งวิถีกระสุนยิงตามที่ดีเอสไอระบุมา จะต้องเป็นการยิงที่มีคนควบคุมสั่งการ เพราะยิงเป็นชุดเข้าจุด ไม่ใช่เหตุบังเอิญ จึงมีข้อสงสัยว่ามีการเตรียมการให้ยิงหรือไม่ ดีเอสไอจะมัวไปหาภาพจากกล้องซีซีทีวีคงไม่มีทางเจอ และจะให้พยานเดินเข้ามาให้ข้อมูลคงไม่มีทาง เพราะก็บอกเองว่าไม่สามารถให้การรับรองได้ว่าจะกันไว้เป็นพยานได้หรือไม่.
...