จากกรณีการนำเสนอคลิปลับในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ของฝ่ายเพื่อไทย เล่นเอาหลายวงการสั่นสะเทือน แม้กระทั่งกระบวนการยุติธรรมขาเก้าอี้ยังสั่นไม่น้อย งานนี้พรรคเก่าแก่แห่งเอเชีย จะรอดข้ามฝั่งคลองไปได้อย่างไร ขณะที่นักวิชาการ อดีต ส.ส.ร. ออกโรง แย้มอาจจะไม่ใช่ฝ่ายตรงข้าม แต่คนในมุ้งหักหลังกันเอง...

นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ถึงเรื่องดังกล่าวว่า "แม้ไม่มีคลิปดังกล่าว ภาพลักษณ์ของศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นที่สงสัยอยู่แล้ว ว่ามีความเป็นกลางและมีอิสระแท้จริงหรือไม่ ขณะที่ต้องยอมรับว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคการเมืองใด ก็จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมาโดยตลอด แต่หากต้องมาพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ที่สังคมเชื่อว่าหลักฐานที่มีอยู่ เพียงพอที่จะยุบพรรคได้ ประกอบกับมีคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกมา ยิ่งทำให้สังคมเชื่อมากขึ้นว่ามีการกระทำผิดจริง"

ทั้งนี้ นายคณิน ยังวิเคราะห์คลิปที่พรรคเพื่อไทยนำออกมาเผยแพร่ว่า "หากพรรค ปชป. ถูกยุบจริง อาจจะต้องสูญเสียขั้วอำนาจให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง ด้วยเหตุผลที่รู้กันหรือไม่รู้กัน เราก็ไม่ทราบได้ แต่อาจเป็นช่องทางให้คนบางกลุ่มหาทางวิ่งเต้นให้มีการล็อบบี้ ตามปกติก็ไม่น่าเชื่อว่า จะมีการล็อบบี้แบบนี้ขึ้น เพราะศาลพึงต้องระมัดระวังเรื่องนี้ตลอด โดยเฉพาะผู้ที่ดำรงตำแหน่งเลขานุการศาล จะต้องไม่ไปติดต่อหรือดำเนินการใดๆ ที่มีลักษณะแทรกแซง หรือเปิดช่องให้คนภายนอกหรือคู่กรณีเข้ามาแทรกแซงกระบวนการของศาล เพราะศาลรัฐธรรมนูญคือการเมือง และโดยสามัญสำนึกการกระทำแบบนี้ ต้องทำในทางลับ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกที่มีคลิปดังกล่าวออกมาได้"

ส่วนกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร อดีต ส.ส.ร. มองว่า "เรื่องนี้อาจเกิดจากความชะล่าใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือเกิดจากคนที่หักหลังกันเอง เพราะการยุบพรรคใหญ่ๆ แต่ละครั้งจะมีผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ ทั้งภายในพรรคและนอกพรรค โดยส่วนตัวสันนิษฐานว่า เรื่องดังกล่าวคงไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้กระทำ เพราะคนที่ถ่ายรูปอัดเสียงต้องเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์ และอาจเกิดจากกระบวนการยุติธรรมทางการเมืองของประเทศไทย ที่เริ่มมีปัญหาตั้งแต่ปี 2549 จากปัญหาเรื่อง 2 มาตรฐาน ที่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซงอยู่ตลอดเวลา"

อย่างไรก็ตาม ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินคดีออกมาหัวหรือก้อยนั้น นายคณิน กล่าวว่า "การยุบพรรค ปชป. ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อบ้านเมือง แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือยุบสภา  ดังนั้นการตัดสินคดีของศาลจึงน่าจะเป็นตัวชี้ขาดได้ว่า บ้านเมืองของเราจะเดินหน้าไปในทิศทางใด โดยมองว่า คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้าย ที่จะทำให้ปัญหาความรุนแรงต่างๆ กลับเข้าสู่ระบบการเมือง ทั้งนี้ตนไม่ได้มีอคติกับพรรค ปชป. แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ปชป. เห็นว่า อาจจะเป็นทางออกของประเทศก็ได้ อย่างไรก็ตามยอมรับว่า เรื่องนี้พูดยาก เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง แต่ผมเชื่อว่า บ้านเมืองจะขึ้นกับคำตัดสินของศาล"

ขณะที่ รศ.ดร.สมชัย ศรีสุทธิยากร อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้แสดงความคิดเห็นถึงคลิปดังกล่าวที่มีอยู่ 5 คลิป โดยตั้งข้อสังเกตว่า คลิปแรกที่เห็นเป็นภาพนิ่ง และมีคำบรรยายใต้ภาพ ซึ่งดูแล้วก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน วันใด และเวลาเท่าใด หากจะตัดสินก็อาจจะไม่เป็นธรรม ส่วนคลิปอื่นๆ เป็นภาพอยู่ในห้องประชุมศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่แน่ชัดว่า เนื้อหาที่หารือเป็นความพยายามล็อบบี้คดียุบพรรค ปชป.หรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นบรรยากาศการประชุมโดยทั่วไปก็เป็นได้ เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก็น่าที่จะสามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ โดยไม่จำเป็นต้องปกปิด แต่ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า เสียงในคลิปก็ไม่ค่อยชัดเจน

นอกจากนี้ รศ.ดร.สมชัย ยังกล่าวอีกว่า ส่วนตัวเห็นว่า คลิปดังกล่าว มีผลทำให้ผู้ดูรู้สึกคล้อยตามค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า คนที่ปล่อยคลิปอาจมีวัตถุประสงค์ เพื่อต้องการลดความเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรค ปชป. ก่อนที่จะมีแนวโน้มว่าจะตัดสินคดีในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งอาจจะทำให้สังคมเกิดความคลอนแคลน หากศาลตัดสินเป็นประโยชน์กับพรรค ปชป.  ดังนั้นส่วนตัวจึงเห็นว่า ศาลน่าจะต้องออกมาแถลง ชี้แจงข้อเท็จจริง ให้ประชาชนได้รับทราบ ว่าเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นอย่างไร มีเนื้อหา และมีผู้เข้าร่วมเป็นใครบ้าง ทั้งนี้เพื่อความโปร่งใส และทำให้ประชาชนหมดความสงสัยไปได้

ส่วนบทสรุปสุดท้ายจะเป็นอย่างไร คดีนี้คงต้องขึ้นอยู่ที่คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนประชาชนจะมีความคิดเห็นไปในทิศทางใด ก็แล้วแต่วิจารณญาณและความเป็นกลางเฉพาะบุคคล.

...