ท่าทีลีลาของสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ออกโรงมาจวกรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า บริหารประเทศมา 5 เดือน มีแต่ความล้มเหลว ไม่เคยมีการวางแผนการทำงานในการบริหารประเทศ ทุกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจล้วนล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า ไม่ว่าจะเป็นโครงการเช็คช่วยชาติ โครงการต้นกล้าอาชีพ หรือโครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ

บวกกับความผิดพลาดในการเก็บภาษีไม่เข้าเป้า พรรคประชาธิปัตย์จึงใช้วิธีตรวจสอบโครงการของพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อปกปิดความล้มเหลวของตัวเอง อาทิ โครงการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ การรับจำนำ-การประกันราคาข้าว โครงการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรคร่วมรัฐบาลเสียหายในสายตาประชาชน

ไม่สามารถตีความเป็นอื่นได้ นอกจากได้เกิดรอยร้าวใหญ่ในรัฐบาล รอยร้าวระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย

และเป็นรอยร้าวที่พร้อมจะขยายเป็นรูรั่ว ที่พร้อมจะล่มรัฐนาวาลำนี้ได้

จึงมีคำถามว่ารอยร้าวนี้จะนำไปสู่การเอาคืนกันเองภายในพรรคร่วมรัฐบาล ถึงขั้นจะมีการป่วนการลงมติในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ ที่จะเปิดสภาในวันที่ 15 มิ.ย.นี้หรือไม่

จะมีการหักหลังในการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 และ พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาทหรือไม่

ไม่ต้องถึงขั้นกฎหมายไม่ผ่านสภาฯหรอก แค่ ส.ส.รัฐบาลหายไปสัก 510 เสียง รัฐบาลก็ปั่นป่วนแล้ว

แม้ใครจะบอกว่าสถานการณ์ความขัดแย้งครั้งนี้ ยังไม่สุกงอมพอจะแตกหัก พรรคร่วมรัฐบาลยังไม่กล้าหักด้ามพร้าด้วยเข่า เพราะทุกพรรค

การเมืองยังไม่พร้อมที่จะเลือกตั้งในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยเฉพาะปัจจัยสำคัญเรื่องกระสุนดินดำ

ทุกพรรคต่างอดใจรอแบ่งเค้ก พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2553 ก่อน อีกทั้งช่วงนี้ก็กำลังจะเข้าสู่ช่วงฤดูการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในทุกกระทรวง การผลักดันคนของตัวเองเข้าไปสู่ตำแหน่งสำคัญ และการวิ่งเต้นซื้อขายก็มีตัวเงินจำนวนไม่น้อย นับเป็นเสบียงกรังที่สามารถเก็บไว้กินในอนาคตได้

การอดทนรออีกสักนิดก็คงไม่เสียหายมากเกินไปนัก

หันกลับมามองดูในพรรคภูมิใจไทยซึ่งเนื้อแท้เป็นการรวมกลุ่มกันหลวมๆของบรรดาเสือสิงห์กระทิงแรดทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเนวิน ชิดชอบ สมศักดิ์ เทพสุทิน อนุชา นาคาศัย หรือสรอรรถ กลิ่นประทุม ที่แม้จะถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี แต่คนเหล่านี้ก็สามารถบริหารงานการเมืองได้อย่างไม่มีอาการสะดุด ด้วยการส่งนอมินีมารับตำแหน่งรัฐมนตรีแทน โดยที่ตัวเองคอยชักใยอยู่เบื้องหลังฉาก

แม้จะเป็นที่รู้ๆกันในแวดวงการเมือง แต่ทางนิตินัยแล้วคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น จึงมีการกินกับโครงการต่างๆแบบสุ่มสี่สุ่มห้า มีการเสนอโครงการและนโยบายต่างๆผ่านรัฐมนตรีนอมินีแบบโฉ่งฉ่าง

จึงหนีไม่พ้นที่จะถูกนายกฯอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ อาศัยความเก๋าเกมกว่าไล่กระทุ้งจนล่าถอยไม่เป็นขบวน

บวกกับภาพลักษณ์นักการเมืองประเภทมูมมามปากมัน ทำให้พรรคภูมิใจไทยกลายเป็นเบี้ยล่างพรรคประชาธิปัตย์อย่างช่วยไม่ได้ ถูกเตะตัดขาแทบทุกโครงการอย่างไม่ให้ราคาค่างวด

โดยมีกลุ่ม ส.ว. นักวิชาการและนักธุรกิจภาคเอกชน ประสานเสียงปลุกกระแสสังคมเป็นแรงหนุน
แต่เมื่อสถานการณ์การเมืองยังไม่สุกงอมพร้อมแตกหัก วันนี้พรรคภูมิใจไทยจึงทำได้แค่ยิ้มรับและยอมกลืนเลือด มองตัวเงินมหาศาลที่หลุดมือไปอย่างน่าเสียดาย รอวันที่พรรคประชาธิปัตย์เพลี่ยงพล้ำค่อยเอาคืนพร้อมคิดดอกเบี้ยอย่างสาสม.

...


"ลมสลาตัน"