แคว้นวัชชีสมัยพุทธกาล พรรษาที่พระพุทธเจ้าประทับ ณ ป่าสาละวัน ใกล้กรุงเวสาลี เกิดทุพภิกขภัย ชาวบ้านแทบ อดอยากเอาตัวแทบไม่รอด จึงไม่มีอาหารใส่บาตรพระ

ภิกษุกลุ่มหนึ่ง  อาศัยใกล้ฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา  อดอยากหนักๆเข้า ก็นั่งปรึกษาหาอุบาย ที่จะได้ข้าวจากชาวบ้านมาฉัน

อุบายสุดท้าย ที่ตกลงกัน คือการสรรเสริญคุณพิเศษพระด้วยกัน ให้คฤหัสถ์ฟัง เช่น รูปนั้นได้ฌานที่ 1 รูปโน้นได้ฌานที่ 2 ส่วนอีกรูป สำเร็จโสดาบัน สำเร็จเป็นพระสกทาคามี เป็นพระอนาคามี

บางรูปสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ยังมีคุณวิเศษแถม มีวิชชา 3 มีอภิญญา 6

จากนั้น ภิกษุกลุ่มนี้ก็เริ่มสรรเสริญคุณพิเศษกันและกัน ชาวบ้าน ก็เชื่อ ดิ้นรนหาอาหารมาเลี้ยงดูภิกษุกลุ่มนี้ จนอ้วนท้วนผ่องใส

ออกพรรษาแล้ว ภิกษุเหล่านั้นก็เก็บข้าวของ เดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ที่กรุงเวสาลี

แวดล้อมพระพุทธเจ้า...ณ เวลานั้น ล้วนมีแต่ภิกษุที่อดอยาก รูปร่างผ่ายผอม มีเส้นเอ็นขึ้นเห็นชัด จะมีก็แต่ภิกษุกลุ่มนี้ กลุ่มเดียว ที่ผิวพรรณผ่องใส อิ่มเอิบ

เมื่อทรงทราบเรื่อง ก็ทรงเรียกประชุมสงฆ์ ตรัสเรื่องมหาโจร 5 ประเภท

มหาโจรพวกหนึ่ง รวบรวมพวกร้อยพัน เข้าไปฆ่า ปล้น เอาไฟ เผาในบ้านเมือง

เทียบด้วยภิกษุที่รวบรวมพวกร้อยพัน จาริกเข้าเมือง เพื่อให้ชาวบ้านสักการะ เคารพ นับถือบูชา ได้มาซึ่งปัจจัยสี่ นี้เป็น...มหาโจรประเภทที่ 1

ภิกษุเรียนพระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าประกาศแล้ว โกงเป็นของตนเอง แสดงตนว่าคิดได้เอง ไม่ได้เรียนจากใคร นี้เป็นมหาโจรประเภทที่ 2

ภิกษุใส่ความเพื่อนพรหมจารีผู้บริสุทธิ์ ด้วยข้อหาประพฤติผิดพรหมจรรย์ อันไม่มีมูล เป็นมหาโจรประเภทที่ 3

ภิกษุเอาของสงฆ์ ที่ห้ามแจกจ่ายห้ามแบ่ง เช่น อาราม ที่ตั้งอาราม วิหาร ที่ตั้งวิหาร เตียงตั่ง ฯลฯ ไปสงเคราะห์คฤหัสถ์ ประจบ คฤหัสถ์เพราะเห็นแก่ลาภ นี้เป็นมหาโจรประเภทที่ 4

และ...ภิกษุอวดคุณพิเศษที่ไม่มีจริง ไม่เป็นจริง ชื่อว่าเป็นยอดมหาโจรในโลก

เพราะบริโภคก้อนข้าวของชาวบ้าน ด้วยอาการแห่งขโมย

ครั้นแล้ว ทรงติเตียนภิกษุชาวริมฝั่งน้ำวัคคุมุทา ด้วยประการต่างๆ จากนั้นก็ทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามอวดคุณพิเศษที่ไม่มีในตน เมื่ออวดไปแล้ว แม้จะออกตัวสารภาพผิดภายหลัง ก็ต้องอาบัติปาราชิก

นี่คือเรื่องราวที่ต้นบัญญัติ จตุตถปาราชิก ปาราชิกข้อที่ 4 (อวดอุตริมนุสสธรรม) ภิกษุต้องเข้าแล้ว ต้องขาดจากความเป็นภิกษุ แม้สึกไปแล้ว จะมาบวชใหม่อีกก็ไม่ได้

ผมคัดปาราชิกข้อ 4 จากพระไตรปิฎกฉบับประชาชน มาทบทวนให้ฟัง เพราะรู้สึกว่าทั้งพระทั้งชาวบ้านยังไม่เข้าใจ กระทั่งพระผู้ใหญ่ บางรูป เผลอไปยกยอคนโกนหัวห่มเหลือง ที่มีชื่อทางบอกใบ้ให้หวย

ว่าเป็นพระดี มีคุณูปการสำคัญต่อประชาชน

โล้นห่มเหลืองพวกนี้ นอกจากไม่ใช่พระ... (ขาดจากความเป็นพระแล้ว) ฐานะที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ ไม่ใช่โจรธรรมดา เป็นยอดมหาโจร

ส่วนพวกโกนหัวบ้าง ไม่โกนหัวบ้าง แต่นุ่งห่มผ้าสีอื่น...ถ้าทนกันได้ ก็ทนกันไป

วงจรชีวิต 18 มงกุฎ พวกนี้ แม้จะมีเศรษฐีหน้าโง่ หลงไป ให้เงินก้อนใหญ่ใช้บ้าง เงินจากความงมงาย ไม่ใช่เงินที่ได้ จากศรัทธา ถึงจะใช้ได้ ก็ไม่เคยยั่งยืน.

...



กิเลน ประลองเชิง