นายทอม เพลต ผู้สื่อข่าวอาวุโสชาวอเมริกัน ผู้เขียนหนังสือชื่อ 'Conversations with Thaksin' ให้สัมภาษณ์ สำนักข่าวเอบีซี ของออสเตรเลีย ป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ทุจริต ฟันธง อดีตนายกฯ อยากกลับไทย...

วันนี้ (6 ก.พ. 57) ผู้ประกาศข่าว ABC ได้เกริ่นก่อนเริ่มการสัมภาษณ์ว่า ในปี ค.ศ.2010 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ให้สัมภาษณ์ต่อ นายทอม เพลต นักข่าวอเมริกันหลายครั้ง จนกลายมาเป็นหนังสือที่มีชื่อว่า 'Conversations with Thaksin' และในการประท้วงต่อต้านรัฐบาล ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ฝ่ายต่อต้านได้มีการหยิบยกคำให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จากหนังสือดังกล่าว มาใช้ในการโจมตีรัฐบาลด้วย

ผู้ประกาศข่าวของเอบีซี : ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลในไทยคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนทุจริต การที่เขาบอกคุณว่า เขาและภรรยาถูกตัดสินว่ามีความผิด จากการละเมิดกฎหมายอย่างมีเทคนิค คุณคิดอย่างไร

ทอม เพลต : ข้อกล่าวหาทั้งหมดที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนเองได้ใส่ทุกข้อหาไว้ในหนังสือแล้ว ด้วยความสมบูรณ์และเปิดเผย ผมมีเพื่อนผู้สื่อข่าวในประเทศไทย ที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในข้อหาเหล่านี้ ซึ่งเขาเห็นด้วยกับอดีตนายกฯ ในเรื่องที่ว่า ไม่มีคำถามไหนที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ อย่างไรก็ดี ผมไม่ต้องการถูกมองว่าปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ จากข้อหาเหล่านั้น เพราะมันไม่ใช่บทบาทในฐานะผู้สื่อข่าว หรือบทบาทของหนังสือเล่มดังกล่าว แต่ตนเองคิดว่าถ้าคุณมองหานักการเมืองไทยทั้งหมดที่ไม่อยู่พื้นที่สีเทาเป็นอย่างน้อย คุณจะไม่พบใครเลย และเมื่อคุณว่ายอยู่ในทะเลแบบนี้ คุณก็ต้องได้รับผลกระทบไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม

ผู้ประกาศข่าวของเอบีซี : ในหนังสือของคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมเปิดเผยว่า ได้ทำธุรกรรมในชื่อของภรรยา มูลค่าถึง 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงที่ทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี

...

ทอม เพลต: ครับ ผมถามเขาในหนังสือว่า จะดีกว่าหรือไม่ถ้านำทรัพย์สินทั้งหมดไปทำ 'blind trust' (การโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วนให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือหุ้นส่วน) เพราะเมื่อคุณทำ blind trust ก็จะไม่มีใครว่าอะไร ซึ่งอดีตนายกรัฐมนตรีก็บอกว่า ใช่ เขาควรทำอย่างนั้น แต่ที่เมืองไทยไม่มีธรรมเนียมปฏิบัติในลักษณะดังกล่าว

ผู้ประกาศข่าวของเอบีซี : พ.ต.ท.ทักษิณ บอกคุณเหมือนที่บอกกับสื่ออื่นๆ ว่าเขาต้องการกลับประเทศไทย คุณรู้สึกว่าเขาต้องการกลับไปเล่นการเมืองในไทยอีกหรือไม่

ทอม เพลต: ไม่ ผมไม่คิดอย่างนั้น ผมคิดว่าเขารู้ดีว่าวันของเขาจบลงแล้ว ในเรื่องของการเมืองโดยตรง ผมควรพูดว่าหนังสือเกี่ยวกับทักษิณ Conversations with Thaksin เป็นภาคที่ 3 ของซีรีส์ และจะยังมีต่อ ผมคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นห่วงประเทศไทยจริงๆ ในแบบของตัวเอง เขาทำเรื่องผิดพลาด และยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในหนังสือ ทำให้ผมคาดว่าเขาคงอยากจะกลับไป แต่อย่างไรก็ดี พ.ต.ท.ทักษิณ คงรู้แล้วว่าบทบาทผู้นำทางการเมืองของเขาจบลงแล้ว

ผู้ประกาศข่าวของเอบีซี : หนึ่งในข้อกล่าวหาของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลที่มีต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็คือเธอเป็นเพียงหุ่นเชิดของพี่ชาย คุณคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคน และเพราะเหตุผลใด ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์​ จึงต้องผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อพี่ชายของเธอเมื่อปีก่อน แต่กลับเกิดผลที่ตามมาอย่างในตอนนี้

ทอม เพลต : เธอคิดอะไรอยู่ผมไม่ทราบ เพราะไม่ได้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าวเพื่อนำมาลงในหนังสือเล่มนี้ จึงไม่สามารถแสดงความเห็นเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าคุณอ่านหนังสือ Conversations with Thaksin คุณจะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อในการปรองดอง และเขามีเจตนาจริงๆ ว่า ควรจะได้รับอภัยโทษต่อการกระทำทั้งหมดในอดีต

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเชื่อว่า กฎหมายนิรโทษกรรมควรให้ประโยชน์กับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตร หรือกลุ่มเสื้อแดง เพราะไทยจะไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ หากยังคงมีสถานการณ์ของการแบ่งแยก และกล่าวโทษอีกฝ่ายอยู่

ผู้ประกาศข่าวของเอบีซี : คุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ เป็นเพียงที่ปรึกษาของเธอ, หรือผู้ชี้นำทางการเมืองของเธอ

ทอม เพลต: ทั้งสองอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ เคยกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยของผม โดยขณะนั้น มี นักศึกษาคนหนึ่งกล่าวถามอดีตนายกรัฐมนตรีไทยว่า เป็นที่รู้กันดีว่าคุณผลักดันน้องสาวของคุณขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี คุณทำให้การทำงานของน้องสาวคุณยากขึ้นหรือไม่ เขาตอบว่าบางทีในสถานการณ์ที่ต่างกัน เขาก็อาจมีพฤติกรรมอย่างอื่น แต่คุณต้องจำไว้ว่า ''ผมเป็นพี่ชายของเธอ พ่อเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก ผมเป็นตัวแทนคุณพ่อของเธอมานับทศวรรษแล้ว และสนับสนุนให้เธอทำธุรกิจเมื่อหลายปีก่อน ผมแค่หยุดตัวเองไม่ได้ เธอ (ยิ่งลักษณ์) คิดว่าเธอมีพรสวรรค์ทางการเมือง เธอเคยพูดไว้ในการให้สัมภาษณ์ด้วยว่า บางครั้งเขา (ทักษิณ) ก็ทำเกินไป ผม (ทอม เพลต) คิดว่านี่เป็นการถอยออกจากการดูแลพี่ชายของเธอ ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบหุ่นเชิด ครั้งล่าสุดที่ผมพบเขา เขาพกโทรศัพท์มือถือเป็นสิบเครื่องในกระเป๋าสำหรับคุยเรื่องการลงทุน อาจจะมีสายส่วนตัวสู่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีก็ได้ เขาคุยโทรศัพท์และเคลื่อนไหวตลอดเวลา จนทำให้คิดได้ว่า ผมคิดว่าบางที น.ส.ยิ่งลักษณ์​ อาจถอยห่างออกจากพี่ชายมากกว่าที่เธอคิดไว้

คลิ๊กชมคลิป

...