ความคืบหน้าเหตุน้ำท่วมติดต่อกันนานหลายสัปดาห์ในประเทศกัมพูชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 83 ราย และส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายแสนคน ในจังหวัดทางตะวันตกเฉียงเหนือของแม่น้ำโขง...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ว่า เหตุน้ำท่วมในประเทศกัมพูชา ที่เกิดจากฝนตกหนักจนน้ำในแม่น้ำโขงล้นทะลักตลิ่ง เกิดขึ้นติดต่อกันนานหลายสัปดาห์แล้ว โดยจากการเปิดเผยของ นิม วันดา รองประธานคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อการจัดการภัยพิบัติ (เอ็นซีดีเอ็ม) จนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตเนื่องจากการจมน้ำแล้ว 83 ราย และมีประชาชนอีกกว่า 800,000 คน ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมใน 15 จังหวัดทั่วประเทศ
นายวันดาระบุว่า บ้านเรือนประมาณ 120,000 หลัง และนาข้าวพื้นที่กว่า 120,000 เฮกตาร์ ถูกน้ำท่วม ทางการยังคงสั่งอพยพประชาชนที่ได้รับผลกระทบไปยังพื้นที่สูงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความช่วยเหลือฉุกเฉินจากองค์กรการกุศลต่างๆรวมถึงสภากาชาดแห่งกัมพูชา ถูกส่งถึงมือผู้ที่ได้รับผลกระทบบางส่วนแล้ว
ขณะเดียวกัน ระดับน้ำของแม่น้ำโขงไม่มีสัญญาณว่าจะส่งผลกระทบต่อจังหวัดทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแม่น้ำ แต่เหตุน้ำท่วมฉับพลันยังคงสร้างความเสียหายในจังหวัดด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ รวมถึงจังหวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญเช่น เสียมเรียบ, โพธิสัตว์, พระตะบอง, บันเตียเมียนเจย และ ไพลิน
...
อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันศุกร์ (4 ต.ค.) เกิดฝนตกหนักและลมพัดแรงทำให้ต้นไม้ใหญ่ สูงกว่า 30 ม. ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.8 ม.ล้มใส่ 'ปราสาทพระขรรค์' หนึ่งในมรดกโลกอายุหลายร้อยปี ในเมืองพระนคร ในจังหวัดเสียมเรียบ แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ต้นไม้ไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ส่วนหลักของตัวปราสาทมากนัก.