"แอปเปิล" เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ "iPhone5" เป็นไปตามกระแสข่าวลือ ตัวเครื่องทำจากกระจกและอะลูมิเนียม หน้าจอเรตินาใหญ่ขึ้น ขนาด 4 นิ้ว พร้อม พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS6 และอัพเดทครั้งใหญ่อีกเพียบ จำหน่ายจริง 21 ก.ย.นี้ ส่วนไทยรอปลายปี...

เมื่อเวลา 24.00 น. ตามเวลาประเทศไทย บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ "แอปเปิล" สัญชาติอเมริกัน จัดงานอีเวนต์ขึ้นตามนัด ที่ศูนย์ศิลปะเยอร์บา บูเอนา ในนครซานฟรานซิสโก เริ่มต้นด้วย "ทิม คุก" ซีอีโอใหญ่ขึ้นเวทีด้วยเสื้อเชิร์ตสีเข้มและกางเกงยีนส์ กล่าวถึงผลประกอบการของบริษัทและผลกำไรมหาศาล พร้อมทั้งระบุว่า ปัจจุบันแอปเปิลมีร้านค้ามาถึง 380 สาขา ใน 12 ประเทศทั่วโลก และจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกที่สวีเดนในวันศุกร์นี้ (14 ก.ย.)

ส่วน The New iPad อุปกรณ์ไอทีชิ้นแรก ที่เปิดตัวภายใต้การบริหารของ ทิม คุก จำหน่ายได้มากถึง 17 ล้านเครื่อง ระหว่าง เม.ย.-มิ.ย. และหากรวม iPad รุ่นอื่นๆ ด้วย จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด 84 ล้านเครื่อง เมื่อ มิ.ย.ที่ผ่านมา ครองส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต 62 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยี่ห้ออื่นๆ แบ่งกันไปเพียง 32 เปอร์เซ็นต์ และปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นสำหรับ iPad มาถึง 250,000 แอพฯ และหากรวมอุปกรณ์ iOS ทุกชนิด จำหน่ายได้มากถึง 400 ล้านชิ้น เมื่อ มิ.ย.ที่ผ่านมาเช่นกัน

...

เวลาแห่งการรอคอยมาถึง เมื่อ "ฟิล ชิลเลอร์" รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ขึ้นเวทีเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ "iPhone5" อย่างเป็นทางการ ซึ่งเหมือนกับข่าวหลุดที่ออกมาก่อนหน้าที่ โดยตัวเครื่องทำจากกระจกและอะลูมิเนียม ปุ่มโฮมยังอยู่ที่เดิม หนา 7.6 มิลลิเมตร หรือบางลงจากเดิม 18 เปอร์เซ็นต์ หนัก 112 กรัม เบาลง 20 เปอร์เซ็นต์ หน้าจอเรตินาขนาด 4 นิ้ว ขนาด 1136 x 640 เรโช 16:9 สีหน้าจอสดกว่าเดิม 40 เปอร์เซ็นต์

ใช้ชิพโพรเซสเซอร์แบบ A6 ที่มีขนาดเล็กกว่ารุ่นเก่าอย่าง A5 แต่ประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 22 เปอร์เซ็นต์ เปิดแอพฯ เร็วกว่าเดิม 2.1 เท่ารวมแล้วดีกว่าเดิม 2 เท่า แบตเตอรี่ที่เปิดเครื่องสแตนบายได้ 225 ชม.โทร.คุยบนเครือข่าย 3จี และ LTE ได้นาน 8 ชม. พร้อมระบบปฏิบัติการ iOS6 มีแอพพลิเคชั่นใหม่คือ MAPs แทนของเดิมที่เป็นกูเกิล พร้อมระบบนำทาง แถมยังแสดงเป็น 3มิติ รวมแล้วมีฟีเจอร์ฟังก์ชั่นใหม่กว่า 200 ฟีเจอร์ กล้อง iSight ด้านหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ความละเอียด 3264x2448 พร้อมฟังก์ชั่น w/backside illumination, hybrid IR filter, มีชิ้นเลนส์ภายในกล้องรวม 5 ชิ้น ความกว้างรูรับแสง  f2.4 ขนาดเล็กลง 25% มีแฟลชแอลอีดี ส่วนกล้องหน้าถ่ายภาพได้ชัดขึ้น สามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 720P เมื่อใช้เฟซไทม์

สามารถถ่ายวิดีโอความคมชัดสูงระดับ 1080P พร้อมระบบกันภาพสั่นไหว สามารถโฟกัสใบหน้าได้พร้อมกันมากถึง 10 คน ความพิเศษยังอยู่ที่การถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอได้ในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังถ่ายรูปเร็วขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ มีฟีเจอร์ใหม่เรียกว่า พาโนรามา ที่นำภาพมารวมกันให้ความคมชัดสูงสุด 28 เมกะพิกเซล เชื่อมต่อเร็วขึ้นด้วยพอร์ต ธันเดอร์โบลท์และไลท์นิ่ง อายุแบตเตอรี่ยาวนานยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถอัพเดทข้อความบนเฟซบุ๊ก ผ่านผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Siri ได้ด้วย

มีให้เลือก 2 สีเช่นเดิม คือขาวและดำ โดยเครื่องสีดำส่วนอะลูมิเนียมด้านหลังเป็นสี "สแลท" (สีหินชนวน) และสี "ซิลเวอร์" (เงิน) สำหรับเครื่องสีขาว เปิดให้พรีออร์เดอร์วันที่ 14 ก.ย. นี้ ก่อนวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ วันที่ 21 ก.ย. นี้ ในสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ และ 28 ก.ย. ในอีกหลายประเทศ ก่อนจำหน่ายเพิ่ม 100 ประเทศทั่วโลกในช่วงสิ้นปีนี้ สำหรับราคาเท่ากับ iPhone 4 เริ่มต้นที่ 199 ดอลลาร์ สำหรับ 16 GB และ 299 ดอลลาร์ สำหรับ 32 GB และ 399 ดอลลาร์ สำหรับ 64 GB (ราคาดังกล่าวต้องผู้ติดสัญญากับผู้ให้บริการในสหรัฐอเมริกา 2 ปี)

ขณะเดียวกันแอปเปิลยังอัพเดทผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไอพอด (iPod) ทั้งไอพอดชัฟเฟิล นิว ไอพอดนาโนที่ดีไซน์มาใหม่พร้อมกับวิทยุ FM ในตัว รองรับ iOS6 รองรับพอร์ตไลท์นิ่ง และ การเชื่อมต่อบลูทูธ มี 7 สีให้เลือก และไอพอดทัช ที่มีขนาดจอเรตินา ดิสเพลย์ขนาด 4 นิ้วเทียบเท่าไอโฟน 5 แต่ใช้ชิพ A5 และมีระบบปฏิบัติการ iOS6 รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ ไวไฟ ถ่ายภาพวิดีโอ 720P กล้อง 5 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพพาโนรามาได้ มี 5 สีให้เลือก รวมทั้งยังเปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ (EarPods) ที่แอปเปิลระบุว่าใช้เวลาในการออกแบบและพัฒนายาวนานถึง 3 ปี เพื่อสร้างหูฟังที่รองรับกับขนาดหูของคนทุกคนได้   

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ คาดว่า แอปเปิล จะสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ได้มากถึง 10 ล้านเครื่อง ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 3 สัปดาห์แรกที่วางขายอย่างเป็นทางการ และจะรวดเร็วกว่ายอดจำหน่าย "กาแล็คซี่ เอส 3" แห่งค่าย "ซัมซุง" สัญชาติเกาหลีใต้ ที่ทำยอดได้ 10 ล้านเครื่อง ในเวลา 50 วัน ทั้งนี้ iPhone 4s รุ่นก่อนหน้า สามารถขายได้ 4 ล้านเครื่อง ภายในสัปดาห์แรก และในไตรมาส 1 หรือสิ้นเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว ขายได้มากถึง 37 ล้านเครื่อง.

...

...

...