กรรมการสิทธิฯแถลงชัด! รายงานแพทย์ชันสูตรศพ ยืนยัน-ไม่ใช่การฆ่ารัดคอ
อนุกรรมการ กสม.สรุปผลสอบคดีฆ่า “เอกยุทธ” ชี้ถูกฆ่าโดยท่าพิเศษจากมืออาชีพ จัดฉากให้ได้ข้อสรุปไม่ตรงความจริงชงรายงานเสนอ ผบ.ตร. เตือนอย่าเร่งสรุปว่า เป็นคดีฆ่าชิงทรัพย์ธรรมดา “หมอพรทิพย์” วอนพนักงานสอบสวนรับฟังข้อเสนอ จี้สางระบบกระบวนการยุติธรรมต้นทาง
จากคดีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซด์เดอร์ ล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 ส.ค.2556 ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กสม. ใน ฐานะประธานอนุกรรมการด้านสิทธิการเมืองสิทธิพลเมือง แถลงผลการตรวจสอบการเสียชีวิตของนายเอกยุทธว่า จากการตรวจสอบรายงานของแพทย์ผู้ ชันสูตรพลิกศพ พบว่าการเสียชีวิตของเอกยุทธไม่ได้ถูกฆ่ารัดคอ หรือถูกบีบคอตามที่พนักงานสอบสวนและผู้ต้องหาระบุ แต่เป็นการถูกกระทำให้ขาดอากาศหายใจโดยใช้ท่าพิเศษ เป็นกระบวนการโดยมืออาชีพนอกเหนือจากผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม โดยพบร่องรอยบาดแผลจากการชันสูตร 3 แห่ง ได้แก่ ปลายจมูก โคนลิ้นด้านซ้าย และเนื้อเยื่อลำคอด้านขวา ไม่พบรอยบีบรัดคอ ยังพบบาดแผลที่หัวไหล่ขวา สะบักซ้ายด้านหลัง จากการกระทำด้านหลัง และมีการต่อสู้จึงเกิดรอยฟกช้ำด้านหลัง ส่วนบาดแผลอีก 2 แห่ง ที่ข้อมือและส้นเท้าเกิดจากถูกพันธนาการในบริเวณจำกัด ทำให้ไม่สามารถต่อสู้ดิ้นรนได้ ดังนั้น นายเอกยุทธจึงไม่ได้ถูกฆ่ารัดคอหรือบีบคอ
นพ.นิรันดร์กล่าวว่า ส่วนประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพศพหลังเสียชีวิต ที่มีการเคลื่อนศพจาก กทม.ไปพัทลุง และเคลื่อนจากเขาจิ้งโจ้ จ.พัทลุง มาตรวจพิสูจน์ที่ กทม. ทั้งหมดมีการเตรียมการชัดเจนจากผู้ชำนาญการในการฆ่าคน ไม่ใช่เรื่องของผู้ต้องหาไม่กี่คน โดยมีเหตุผลสนับสนุนคือการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ห่อศพและลำเลียงศพจาก กทม.ไปพัทลุง หลังเสียชีวิตมีการถอดเสื้อผ้าและเครื่องประดับออก เหลือแต่เสื้อกล้ามกับกางเกงบ๊อกเซอร์ ลักษณะการห่อศพที่รัดด้วยวัสดุผูกมัด เป็นเทคนิควิธีการเฉพาะของผู้มีความรู้ความชำนาญ และมีความเชื่อว่าศพถูกเก็บไว้ในที่ปิดมิดชิด โดยไม่พบหนอนในศพ แสดงว่าศพถูกห่อหุ้มอย่างดี ส่วนการขุดหลุมฝังก็ลึกไม่เกิน 50 เซนติเมตร จึงสันนิษฐานว่าไม่ต้องการปิดบังศพ แต่ต้องการเปิดเผยเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ไม่ตรงกับความ เป็นจริง จึงไม่อยากให้ตำรวจเร่งสรุปสำนวนว่าเป็นคดีฆ่าชิงทรัพย์
“ทั้งหมดคือสิ่งที่อนุกรรมการฯ ตรวจสอบพบ ซึ่งสอดคล้องกับแพทย์ที่พบศพเป็นคนแรกที่ จ.พัทลุง ล่าสุด ญาติของนายเอกยุทธไม่เชื่อมั่นการทำงานของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพราะมีประเด็นขัดแย้งกันอยู่ ช่วงเช้าวันที่ 13 ส.ค. ญาติจึงเข้าแจ้งความต่อ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอเปลี่ยนคณะพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ การตรวจสอบของคณะ อนุกรรมการฯไม่ค่อยได้รับความร่วมมือจากตำรวจให้ตรวจสอบพยานหลักฐานหลายชิ้น เช่น รถตู้ โดยตำรวจยังมอง กสม.ด้วยความไม่เข้าใจ คิดว่าไปจับผิด แต่ กสม.ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจ การตรวจสอบครั้งนี้ไม่ใช่การสอบสวนหาตัวคนร้าย แต่ตรวจสอบการทำงานของตำรวจว่าได้มาตรฐานในการบอกความจริงต่อสังคมหรือไม่ และการคุ้มครองสิทธิการมีชีวิตอยู่ โดยจะทำรายงานเสนอต่อ ผบ.ตร. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 257 แต่ กสม.ไม่มีอำนาจบังคับหรือสั่งการตำรวจ เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะนำไปพิจารณา ว่าข้อเสนอของ กสม.สมควรนำไปประกอบในสำนวนการสอบสวนหรือไม่” นพ. นิรันดร์กล่าว
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการฯกล่าวว่า บาดแผลก่อนตายเป็นการทำให้ขาดอากาศจากภายนอก ไม่ได้เป็นไปตามคำให้การของผู้ต้องหาว่าลงมือฆ่ารัดคอผู้ตาย เนื่องจากมีร่องรอยการพันธนาการ และพบบาดแผลที่เกิดหลังการเสียชีวิต และมีสภาพให้เห็นว่ามีเสื้อจำนวนหนึ่งยังอยู่กับศพก่อนนำไปฝัง การเปลี่ยนแปลงหลังการตายที่ขัดแย้งกับสภาพศพ ศพคว่ำหน้า แต่เน่าเฉพาะด้านหน้าและไม่มีหนอน แต่กลับไม่เน่าทั้งตัว ทั้ง 3 จุด ที่คณะอนุกรรมการฯสรุปถือเป็นหัวข้อสำคัญ พนักงานสอบสวนควรรับฟัง อย่างไรก็ตามคดีนายเอกยุทธเป็นคดีธรรมดาคดีหนึ่ง ประเทศไทยไม่เคยตระหนักว่ากระบวนการยุติธรรมเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย จึงไม่มีการพัฒนาความโปร่งใส ไม่สนใจต้นทางความยุติธรรมที่ไม่มีประสิทธิภาพ ถึงเวลาต้องแก้ไขที่ต้นทาง ถ้าไม่เก็บพยานหลักฐานอย่างดีจะไม่สามารถพิสูจน์คดีได้อย่างเป็นธรรมและจะนำไปสู่การแสวงหาประโยชน์
...