อายุ85ปี-65พรรษาประธานผู้ทำหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชสรงน้ำศพบ่ายวันนี้พระราชทาน‘โกศ12’วัดสระเกศโศกเศร้า

วงการสงฆ์สูญเสีย “สมเด็จเกี่ยว” ประธาน คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ มรณภาพอย่างสงบ ที่ รพ.สมิติเวช ด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด สิริรวมอายุ 85 ปี 6 เดือน 65 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ โกศไม้สิบสอง และทรงรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน ขณะที่ตำหนักสมเด็จฯ คาด “พระพรหมสุธี” ผช.เจ้าอาวาสวัดสระเกศ รักษาการเจ้าอาวาสและเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก แถมมีสิทธิได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะรูปใหม่ 5 ธ.ค.นี้ ส่วนตำแหน่ง ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่ว่างลง มหาเถรสมาคมเตรียมพิจารณาเลือกใหม่จากองค์คณะที่เหลือ

การสูญเสียครั้งใหญ่ของคณะสงฆ์ไทยในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.41 น. วันที่ 10 ส.ค. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้มรณภาพลงอย่างสงบ ที่ห้องไอซียู รพ.สมิติเวช สุขุมวิท 49 ด้วยอาการติดเชื้อในกระแสโลหิต และโรคชรา สิริอายุรวม 85 ปี 6 เดือน 65 พรรษา โดยหลังจากที่ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดออกไป บรรยากาศที่โรงพยาบาลก็เต็มไปด้วยความเศร้าสลด และมีบรรดาพระสงฆ์ ศิษยานุศิษย์ใกล้ชิด เดินทางมากราบศพ ด้วยความอาลัย

จากนั้นเวลา 13.40 น. คณะสงฆ์วัดสระเกศฯ แจ้งว่าจะมีการเคลื่อนศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ออกจาก รพ.สมิติเวช กลับมายังวัดสระเกศฯ ในวันที่ 11 ส.ค. เวลาประมาณ 09.00 น. โดยจะตั้งศพไว้ที่ศาลาการเปรียญเพื่อเปิดให้คณะศิษยานุศิษย์ได้สรงน้ำศพในเวลา 13.00 น. จากนั้นในเวลา 17.00 น. มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ

ส่วนที่วัดสระเกศฯ บรรยากาศตลอดวัน ก็มีความโศกเศร้าภายหลังทราบข่าวการมรณภาพของสมเด็จพระพุฒาจารย์ โดยพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ได้นำคณะสงฆ์วัดสระเกศฯ จัดเตรียมสถานที่ในศาลาการเปรียญ เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งศพของสมเด็จพระพุฒาจารย์ พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังได้มาจัดสถานที่ในการตั้งศพ และเนื่องจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ มีสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะ จะได้รับพระราชทานโกศไม้สิบสอง พร้อมด้วยเครื่องประกอบเกียรติยศศพตามฐานันดรสมเด็จพระราชาคณะ

ทั้งนี้ พระพรหมสิทธิกล่าวว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ มรณภาพลงอย่างสงบ และไม่ได้มีการสั่งเสียอะไร ซึ่งสิ่งที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ สร้างให้กับคณะสงฆ์ไทยมีมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศแถบทวีปยุโรป ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นพระสงฆ์รูปแรกที่นำพระพุทธศาสนา ไปเผยแผ่ให้ชาวต่างชาติรู้จักพระพุทธศาสนาของประเทศไทย แต่ช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ท่านเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำเนื่องจากอาพาธ

พระพรหมสิทธิกล่าวต่ออีกว่า  สำหรับพิธีศพหลังจากเคลื่อนมาที่วัดสระเกศ จะนำศพสมเด็จไว้ที่ ศาลาการเปรียญ บริเวณตำหนักสมเด็จฯเพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าสรงน้ำศพได้ตั้งแต่ช่วงบ่าย จากนั้นเวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ และเวลา 19.00 น. มีพิธีสวดพระอภิธรรม ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน ส่วนวันที่ 12 ส.ค.งดสวด 1 คืน หลังจากนั้นจะหารือภายในวัดถึงความเหมาะสมว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า คณะสงฆ์ไทยได้สูญเสียพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ ถือว่าเป็นพระนักพัฒนาผู้มุ่งมั่นที่จะเห็นพระพุทธศาสนามีความมั่นคงอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ทั้งยังเป็นผู้วางรากฐานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสหรัฐอเมริกาและยุโรป จนกระทั่งประสบผลสำเร็จในปัจจุบัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  การมรณภาพของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ทำให้ตำแหน่งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชต้องว่างลงด้วย ดังนั้น มหาเถรสมาคม (มส.) จะมีการคัดเลือกประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชรูปใหม่จากคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชที่เหลือ จำนวน 7 รูป แบ่งเป็นฝ่ายมหานิกาย 3 รูป คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (วีระ ภทฺทจารี) เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม สมเด็จพระพุทธ–ชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ฝ่ายธรรมยุต 4 รูป คือ สมเด็จพระมหา

วีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร (ธรรมยุต) และสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส จากนั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาฯจะส่งรายชื่อให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ เพื่อให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯต่อไป

นอกจากนั้น ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ที่แต่เดิมสมเด็จพระพุฒาจารย์ครองอยู่ก็ว่างลงด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นมารักษาการจะเป็นพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) รองสมเด็จพระราชาคณะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และเจ้าคณะภาค 12 ที่มีอาวุโสสมณศักดิ์สูงสุดและเป็นพระที่ใกล้ชิดกับสมเด็จพระพุฒาจารย์ ทั้ง 2 ตำแหน่ง ที่สำคัญพระพรหมสุธียังได้รับการ

คาดหมายด้วยว่าจะได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะรูปใหม่แทนสมเด็จพระพุฒาจารย์ ในการสถาปนาเลื่อนตั้งสมณศักดิ์ ประจำปี 2556 วันที่ 5 ธ.ค.นี้ แม้ว่าจะมีอาวุโสเป็นลำดับที่ 5 รองจากพระธรรมปัญญาบดี เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ พระพรหมเวที เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม พระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวาและพระพรหมคุณาภรณ์ (เจ้าคุณประยุทธ์ ปยุตฺโต) ประธานสงฆ์วัดญาณเวสกวัน ซึ่งเป็นรองสมเด็จพระราชาคณะทั้งหมดก็ตาม เนื่องจากมหาเถรสมาคม มักจะเสนอชื่อพระสงฆ์ที่ใกล้ชิดกับสมเด็จฯ ที่มรณภาพลงเพื่อให้สานต่องานที่เคยทำและไม่เป็นการหักหาญสมเด็จฯ ที่มรณภาพลงด้วยการเสนอรายชื่อรองสมเด็จพระราชาคณะจากต่างวัด

ทั้งนี้ ตำแหน่งสมเด็จพระราชาคณะปัจจุบัน มีทั้งสิ้น 7 รูป ผู้ที่มีอาวุโสสมณศักดิ์สูงสุด คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ฝ่ายมหานิกาย อายุ 87 ปี รองลงมาคือสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ฝ่ายธรรมยุต อายุ 95 ปี สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ ฝ่ายธรรมยุต อายุ 86 ปี สมเด็จพระวันรัต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ ฝ่ายธรรมยุต อายุ 76 ปี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ ฝ่ายมหานิกาย อายุ 82 ปี สมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ฝ่ายธรรมยุต อายุ 65 ปี และสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม ฝ่ายมหานิกาย อายุ 72 ปี ถ้า พระพรหมสุธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะแทนสมเด็จพระพุฒาจารย์ จะถือเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่มีอายุน้อยที่สุดคือ 56 ปี เนื่องจากพระพรหมสุธี เกิดเมื่อวันที่ 7 ก.พ. พ.ศ.2500 รวมถึงยังจะมีตำแหน่งต่างๆที่ว่างลงด้วย อาทิ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานสำนักกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ (มหานิกาย) แม่กองงานพระธรรมทูต เป็นต้น

สำหรับประวัติ สมเด็จพระพุฒาจารย์ มีนามเดิมว่า เกี่ยว นามสกุล โชคชัย เกิดเมื่อวันที่ 11 ม.ค. พ.ศ.2471 ที่บ้านเฉวง ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นบุตรคนที่ 5 ในจำนวน 7 คน ของนายอุ้ยเลี้ยน แซ่โหย่ (เลื่อน โชคชัย) และนางยี แซ่โหย่ (ยี โชคชัย) ครอบครัวโชคชัยมีอาชีพทำสวนมะพร้าว ปัจจุบันทายาทสกุลโชคชัย หรือแซ่โหย่เปลี่ยนนามสกุลเป็นโชคคณาพิทักษ์

เมื่อจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เมื่ออายุได้ 12 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดภูเขาทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มารดาจึงนำไปฝากไว้กับพระครูอรุณกิจโกศล (หลวงพ่อพริ้ง) วัดแจ้ง ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย หลวงพ่อพริ้งเห็นว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นผู้ฝักใฝ่ในการศึกษา มีวิริยะ อุตสาหะ จึงนำไปฝากไว้กับสมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทยมหาเถร) โดยอยู่ในการปกครองของพระธรรมเจดีย์ (เทียบ ธมฺมธโร) ที่วัดสระเกศฯ กรุงเทพฯ ต่อมา พ.ศ.2492 ได้อุปสมบทที่วัดสระเกศฯ โดยมีสมเด็จพระสังฆราชอยู่ ญาโณทยมหาเถระ (ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมวโรดม) ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์

ในด้านการศึกษาและหน้าที่การงาน ท่านได้ศึกษาธรรมะจนสอบได้นักธรรมชั้นเอก และศึกษาปริยัติธรรม สอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค ตั้งแต่ครั้งยังเป็นสามเณร จนถึงปี พ.ศ.2497 สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค จากนั้นใน พ.ศ.2501 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานแต่งตั้ง เลื่อนและสถาปนาสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญ ที่พระเมธีสุทธิพงศ์ พ.ศ.2505 เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่พระราชวิสุทธิเมธี พ.ศ.2507 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่พระเทพคุณาภรณ์ พ.ศ.2514 เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่พระธรรมคุณาภรณ์ พ.ศ.2516 เป็นพระราชาคณะ เจ้าคณะรอง ชั้นพระหิรัญบัฏ ที่พระพรหมคุณาภรณ์ พ.ศ.2533 เป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ มีนามตามจารึกในสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ ภาวนา–กิจวิธานปรีชา ญาโณทยวรางกูร วิบูลวิสุทธิจริยา อรัญญิกมหาปริณายก ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี อรัญวาสี

สมเด็จพระพุฒาจารย์ ยังได้ปฏิบัติศาสนกิจ และได้รับการดำรงตำแหน่งสำคัญมากมาย อาทิ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนามหาเถรสมาคม รองประธานสภาสงฆ์โลก เป็นต้น รวมทั้งยังได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี และปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการบริหารการศึกษา จากมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ

นอกจากนี้ เนื่องจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกมีพระอาการประชวร และเสด็จเข้าประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2545 ทำให้เข้าร่วมงานพระศาสนาไม่สะดวก มหาเถรสมาคม จึงได้แต่งตั้งให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ในต้นปี พ.ศ.2547 ต่อมาการแต่งตั้งนั้นได้สิ้นสุดลงเพราะครบระยะเวลาที่กำหนด มหาเถรสมาคมจึงมีมติให้แต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เพื่อบริหารกิจการคณะสงฆ์แทนสมเด็จพระญาณสังวร โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ ในฐานะมีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในขณะนั้น ทำหน้าที่เป็น ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

...