พระบรมฯ-เสด็จแทนพระราชพิธีฉัตรมงคล
พสกนิกรทั่วหล้าพร้อมใจถวายราชสักการะ ราชสดุดี เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประเทศและปวงชนชาวไทย เนื่องในวันฉัตรมงคล ประจำปี 2556 ขณะที่องคมนตรีเผยในหลวงทรงห่วงใยปัญหาน้ำและป่า ทรงรับสั่งทั้งสองอย่างต้องไปด้วยกัน ทั้งทรงแนะการสร้างเขื่อนต้องใช้พื้นที่มาก ให้สร้างอ่างเก็บน้ำแทน และนำน้ำไปให้ถึงประชาชนเพื่อใช้ประโยชน์ ทำกินได้ ไม่เป็นหนี้ โดยทรงพระราชทานความช่วยเหลือพสกนิกรผ่านโครงการในพระราชดำริกว่า 4 พันโครงการ ยืนยันความสุขของในหลวงคือความผาสุกของประชาชน พร้อมกระตุกสำนึก อยากให้พระองค์ทรงมีพระเกษมสำราญ ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
เนื่องในวันฉัตรมงคล วันที่ 5 พ.ค. โดยในปีนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯแทนพระองค์ในการพระราชพิธีฉัตรมงคล ประจำปี 2556 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระ บรมมหาราชวัง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขณะที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์ เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยเสด็จในการนี้ด้วย โดยมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และบุคคลสำคัญ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าฯรับเสด็จ
ทั้งนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎ ราชกุมาร ทรงประกอบพิธีสงฆ์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ และทรงประกอบพิธีพราหมณ์สมโภชนพปฎลมหาเศวตฉัตรสิริราชกกุธภัณฑ์ ภายในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรม มหาราชวังแล้วเสด็จฯกลับ จากนั้นในเวลา 12.00 น.ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ได้ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด ขณะที่บรรยากาศตามเส้นทางเสด็จฯมายังพระบรมมหาราชวัง แม้จะมีฝนตกลงมาอย่างหนักก่อนหน้านี้ แต่พสกนิกรส่วนใหญ่ก็ยังปักหลักรอรับเสด็จอย่างไม่ย่อท้อ และร่วมกล่าวคำทรงพระเจริญทันทีที่เห็นรถยนต์พระที่นั่งแล่นผ่าน
ขณะเดียวกัน ตลอดช่วงเช้าตามสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญต่างๆทั่วประเทศ ประชาชนทุกหมู่เหล่าต่างก็พร้อมใจกันออกมาร่วมประกอบพิธีเนื่องในวันฉัตรมงคล ด้วยน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประเทศและพสกนิกรชาวไทยด้วยการประกอบพิธีสงฆ์ ถวายเป็นพระราชกุศล พิธีถวายเครื่องราชสักการะ และถวายราชสดุดี เฉลิมพระเกียรติ รวมทั้งถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัว โดยพร้อมเพรียง
สำหรับบรรยากาศการเฝ้ารับเสด็จพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีฉัตรมงคล ปี 2556 ที่ รพ.ศิริราช ผู้สื่อข่าวรายงานว่าประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ เข้ามาจับจองพื้นที่บริเวณด้านหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ศิริราช กันอย่างเนืองแน่น โดยส่วนใหญ่มาเตรียมเฝ้ารอรับเสด็จตั้งแต่ค่ำคืนวันที่ 4 พ.ค. โดยทุกคนพร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลือง และนำพระบรมฉายาลักษณ์ ธงเฉลิมพระเกียรติติดตัวมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความจงรักภักดี อย่างไรก็ตาม เวลา 07.30 น.สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ฉบับที่ 65 เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ว่า วันนี้คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานพระอาการประชวรพระปัปผาสะ (ปอด) อักเสบ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2556 ว่าผลการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์พบการอักเสบลดลง และบรรทมได้ แต่ยังเสวยพระกระยาหารได้ไม่มาก และยังมีพระอาการอ่อนเพลียอยู่บ้าง คณะแพทย์ฯยังคงถวายพระโอสถปฏิชีวนะทางหลอดพระโลหิตต่อไป จนครบตามกำหนด คณะแพทย์ฯจึงได้ขอ พระราชทานกราบบังคมทูลฯ ขอให้ทรงงดพระราชกิจสักระยะหนึ่ง จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากที่สำนักพระราชวัง ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 65 คณะแพทย์ฯ ได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลฯ ขอให้ทรงงดพระราชกิจ ทำให้ประชาชนที่เฝ้ารอรับเสด็จฯ ได้เข้าไปถวายราชสักการะและร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ศาลาศิริราช 100 ปีแทน โดยแม้บางรายจะเดินทางมาจากต่างจังหวัด อาทิ นครสวรรค์ อุดรธานี ฯลฯ แต่ต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้จะไม่มีโอกาสได้รับเสด็จอย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่เสียใจหรือรู้สึกผิดหวัง เพราะทุกคนพร้อมใจกันมาเพื่อแสดงความจงรักภักดีและรู้สึกเป็นห่วงพระอาการประชวรของพระองค์มากกว่า ดังนั้นขอเพียงได้นั่งใต้อาคารเฉลิมพระเกียรติ ที่พระองค์ทรงประทับอยู่ ก็รู้สึกชื่นใจ หายเหนื่อย มีกำลังใจประกอบอาชีพต่อไปแล้ว และขอให้พระองค์ทรงมีพลานามัยแข็งแรงอยู่กับประชาชนไปนานๆ
ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกัน ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล รัฐบาลโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้จัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล 5 พ.ค.2556 โดยมีคณะรัฐมนตรีและคู่สมรส ประธานสภาฯ ผู้นำเหล่าทัพ และทูตานุทูตจากประเทศต่างๆ มาร่วมงาน
นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ได้ดำเนินการติดตามความคืบหน้าและผลสำเร็จของโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจากความแห้งแล้ง โดยมีนายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบอง ใน อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู และ พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำเลย อ.ภูหลวง จ.เลย ซึ่งทั้ง 2 แห่งเป็นโครงการในพระราชดำริเพื่อประโยชน์สู่ประชาชน
ทั้งนี้ นายอำพลกล่าวภายหลังเสร็จสิ้นพิธี ว่าโครงการในพระราชดำริทั่วประเทศกว่า 4,000 โครงการ ล้วนก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนทั้งสิ้น อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบองก็เป็นหนึ่งในโครงการที่ทรงช่วยเหลือราษฎรใน อ.โนนสัง เพราะพื้นที่แห้งแล้งมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับทราบถึงปัญหาความแห้งแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงนำไปสู่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่นี้กว่า 767 โครงการ โดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดาร ห่างไกล แม้ปัจจุบันทรงมีพระชนมายุมาก ไม่ได้เสด็จเยี่ยมประชาชนอย่างสม่ำเสมอแบบที่ทรงปฏิบัติ แต่ยังทรงพระราชทานความช่วยเหลือและทรงติดตามความเคลื่อนไหวในโครงการต่างๆตลอดเวลา ทุกคนจึงต้องร่วมมือร่วมใจสืบสานโครงการให้ดีที่สุด
“เมื่อมีคนทูลเกล้าฯเรื่องน้ำ รับสั่งให้ปลูกต้นไม้ด้วย น้ำและป่า ทั้ง 2 อย่างต้องไปด้วยกัน ทรงห่วงใยตลอดมา เพราะการสร้างเขื่อนต้องใช้พื้นที่กว้างใหญ่ สมัยก่อนทำได้ยาก รับสั่งว่าไม่มีไฟฟ้ายังอยู่ได้ แต่ไม่มีน้ำ อยู่ไม่ได้ ป่าจึงมีความสำคัญมาก สำหรับที่นี่เมื่อไม่สามารถสูบน้ำจากน้ำโขงได้ ทรงแนะให้สร้างโครงการอ่างเก็บน้ำ เพราะเขื่อนใช้พื้นที่มาก ขณะที่ป่าเหลือน้อย ก็พยายามแก้ไข อ่างห้วยน้ำบอง กว่าจะเริ่มสร้างต้องใช้เวลานานถึง 20 ปี เมื่อเสร็จแล้วจะก่อประโยชน์มากมาย รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ก็ทรงปฏิบัติในเรื่องต้นไม้มาโดยตลอด เมื่อป่าดี น้ำดี ดินดี ประชาชนมีรายได้ดี ความเป็นอยู่จะดีขึ้น” นายอำพลกล่าว
ขณะที่ พล.อ.อ.กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี กล่าวหลังทำพิธีเปิดโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำเลยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ภูหลวง จ.เลย ว่าการสร้างเขื่อนเก็บน้ำไม่ใช่การสร้างเพื่อเปิดเขื่อนแต่สร้างเขื่อนเพื่อให้ได้น้ำไว้ใช้ประโยชน์และนำน้ำไปให้ถึงประชาชน เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง หัวใจของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคือให้น้ำถึงประชาชน ทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์ เพื่อให้อยู่ดีมีสุขตลอดเวลาที่ทรงครองราชย์ทรงมุ่งทำความสุขให้ประชาชนเพื่อให้สามารถประกอบอาชีพได้ ไม่เป็นหนี้สิน ความสุขของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็คือความผาสุกของประชาชน จึงพระราชทานโครงการในพระราชดำริกว่า 4 พันโครงการ ถ้าอยากให้พระองค์ทรงมีพระเกษมสำราญ ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
นายสุวัฒน์ เทพอารักษ์ เลขาธิการ กปร.กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2475 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรทุกภูมิภาคด้วย ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะรับทราบปัญหาที่ราษฎรประสบซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกรรม ทรงพบว่าปัญหาที่สำคัญคือความยากจน การเป็นหนี้สินที่เกิดจากการกู้ยืมมาทำไร่ ทำนา แต่ต้องขาดทุนเพราะสภาพดินฟ้าอากาศไม่อำนวย ฝนไม่ตกตามฤดูกาล ทรงรับทราบปัญหาจากราษฎรเอง ทรงรวบรวมข้อมูลเป็นแนวทางในการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้ราษฎรมีความเป็นอยู่ดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสานทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนาแหล่งน้ำในลักษณะ “น้ำคือชีวิต”
ด้านนายสมพงษ์ พรมไตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านตาดไฮ ต.โคกม่วง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู กล่าวว่า ชาวบ้านต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานโครงการในพระราชดำริสร้างอ่างเก็บน้ำช่วยเหลือเกษตรกร เพราะหนองบัวลำภูเป็นพื้นที่สูง แห้งแล้งมาก ชาวบ้านยากจน ลูกหลานต้องจากบ้านไปทำงานที่อื่น ปล่อยให้คนเฒ่าคนแก่อยู่เฝ้าบ้านตามลำพัง โดยเฉพาะปีนี้แห้งแล้งที่สุดในรอบ 10 ปี เพราะฝนตกน้อย ชาวบ้านต้องรอฝนทำนาอย่างเดียว วันที่อ่างเสร็จมีน้ำสมบูรณ์ความสุขจะกลับคืนพื้นที่แห่งนี้ ลูกหลานจะกลับบ้านมาทำการเกษตร จากเดิมทำนาปรังปีละครั้งจะเพิ่มเป็น 2 ครั้ง ปลูกถั่วเหลือง ถั่วเขียว ปลูกมัน ปลูกอ้อย ทำเกษตรหมุนเวียนได้ตลอดปี
...