ตร.ภูเก็ตจับ-เพิ่งรู้เป็นเจ้าชาย แฉเพลย์บอย-ตรวจเจอฉี่ม่วง สื่อเนปาลตีข่าวฉาวครึกโครม!

“เจ้าชายปาราส” อดีตมกุฎราชกุมารเนปาล ถูกตำรวจรวบตัวพร้อมเพื่อนสาวในคอนโดหรูเมืองภูเก็ต  ในข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครอง ถูกตำรวจนำไปผัดฟ้องฝากขังครั้งที่ 4 ต่อศาลจังหวัดภูเก็ต แฉผลตรวจปัสสาวะพบแคนนาบินอยด์สารออกฤทธิ์ในกัญชาและสารเบนโซอิลเอคโกนีนที่มีอยู่ในโคเคน ผบก.จ.ภูเก็ต เผยตำรวจดำเนินคดีตามปกติ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ขณะที่สื่อเนปาลตีข่าวกระหึ่มระบุอดีตเจ้าชายสู้คดี อ้างไม่ใช่เจ้าของกัญชา

อดีตเจ้าชายเนปาลถูกจับคดีกัญชารายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 พ.ย. ที่ศาล จังหวัดภูเก็ต ร.ต.ต.จิรศักดิ์ สังข์วิสุทธิ์ พนักงานสอบสวน สภ.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ยื่นคำร้องต่อศาลขอผัดฟ้องและฝากขังครั้งที่ 4 โดยระบุชื่อในสำนวนสอบสวนว่านายปาราส เบอ บิคแรม ซาร์ อายุ 41 ปี ชาวเนปาล หรืออดีตมกุฎราชกุมารปาราส วีรวิกรมศาหเทวะ พระโอรสในสมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทราวีรวิกรมศาหเทวะ พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชอาณาจักรเนปาลในราชวงศ์ศาห์ ผู้ต้องหาคดีมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามคดีหมายเลขดำที่ ฝ. 2199/2555 ลงวันที่ 24 ต.ค.2555 โดยอดีตเจ้าชายปาราส และทนายความได้นั่งรถเก๋งเข้าด้านหลังศาล เพื่อหลบเลี่ยงกองทัพนักข่าวทั้งไทยและต่างชาติที่มาดักรอทำข่าว โดยศาลอนุญาตตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวนและสั่งให้อดีต เจ้าชายปาราสมารายงานอีกครั้งในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ จากนั้นอดีต เจ้าชายปาราสได้นั่งรถคันเดิมออกจากศาลไป

เบื้องหลังการจับกุมอดีตเจ้าชายเนปาล สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 23 ต.ค. พ.ต.ท.ภาสกร สนธิกุล รอง ผกก.สส.สภ.เชิงทะเล นำกำลังเข้าตรวจสอบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมั่วสุมยาเสพติดที่สุรินทร์สบายคอนโดเลขที่ 25/44 หมู่ 3 ต.เชิงทะเล ตามคำสั่งของ พ.ต.อ.จิระศักดิ์ เสียมศักดิ์ ผกก.สภ.เชิงทะเล พบว่าภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นกัญชา ตรวจค้นพบกัญชาแห้งหนักราว 3.1 กรัม บรรจุอยู่ในซองบุหรี่ยี่ห้อมาร์ลโบโร และกัญชาแห้งบรรจุอยู่ในกล่องอะลูมิเนียมสีขาว น้ำหนักประมาณ 0.3 กรัม วางอยู่บนโต๊ะภายในห้องรับแขกตั้งอยู่ด้านหน้าของอดีตเจ้าชายปาราส ไว้ผมยาวปะบ่าไว้หนวดเครารุงรังนั่งอยู่ที่โซฟา คุมตัวอดีตเจ้าชายปาราส และ น.ส.กรรณิกา ไชยสาร อายุ 27 ปี เพื่อนสาวคนสนิท ไปสอบสวนที่ สภ.เชิงทะเล พร้อมกับเก็บตัวอย่างปัสสาวะส่งตรวจหาสารเสพติด

ชั้นจับกุมอดีตเจ้าชายปาราสให้การรับสารภาพว่า ได้ซื้อกัญชามาไว้เสพจริง จึงแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นได้นำตัวเข้าห้องขังเพื่อควบคุมตัว ก่อนจะส่งฝากขังต่อศาลในวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอดีตเจ้าชายปาราส ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยมีนางศักดิ์ศรี เกิดผล อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/2 หมู่ 6 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต เป็นผู้ยื่นขอประกันตัวในวงเงิน 10,000 บาท ภายหลังเจ้าหน้าที่ถึงได้ทราบว่าเป็นอดีตมกุฎราชกุมารแห่งเนปาล

ต่อมาวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา นายกมล ฝอยหิรัญ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 14 (ภูเก็ต) ได้ทำหนังสือที่ สธ 0630/3110 ลงวันที่ 8 พ.ย.55 แจ้งผลตรวจปัสสาวะของอดีตเจ้าชายปาราส ว่าไม่พบกลุ่มแอมเฟตามีน แต่พบแคนนาบินอยด์ (สารออกฤทธิ์สำคัญในกัญชา) และเบนโซอิลเอคโกนีน (โคคาอีน) มีอยู่ในโคเคน

พล.ต.ต.โชติ ชวาลวิวัฒน์ ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต เปิดเผยถึงคดีที่จับกุมอดีตเจ้าชายเนปาลว่า คดีนี้ดำเนินการไปตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการโดยไม่มีการยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ มีผู้ต้องหา 2 คน คืออดีตเจ้าชายปาราสและ น.ส.กรรณิกา ที่อยู่ในห้องด้วย เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ตอนนี้คดีอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนและวันเดียวกันนี้มีการผัดฟ้องฝากขังผู้ต้องหาตามปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า อดีตเจ้าชายเนปาล และน.ส.กรรณิกา ไชยสาร เพื่อนสาว เข้าพักที่สุรินทร์สบายคอนโด เมื่อกลางเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นอดีตเจ้าชายปาราส เมาอาละวาดทำลายข้าวของเครื่องใช้ในห้อง จนต้องทำหนังสือยอมความกับผู้บริหารคอนโด ตกลงจะชดใช้ค่าเสียหายให้ 2 แสนบาท ก่อนจะถูกตำรวจบุกเข้าตรวจค้นจับกุมพร้อมกัญชาดังกล่าว

อดีตเจ้าชายปาราส หรืออดีตมกุฎราชกุมารปาราสวีรวิกรมศาหเทวะพระโอรสในสมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทราวีรวิกรมศาหเทวะ พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชอาณาจักรเนปาลในราชวงศ์ศาห์ ซึ่งเสวยราชสมบัติเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2544 และเจ้าชายปาราส ได้รับการสถาปนาเป็นมกุฎราชกุมาร โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2544 เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่พระราชวงศ์แห่งเนปาลภายในพระราชวังในกรุงกาฐมาณฑุ โดยเจ้าฟ้าชายทิพอินทรา มกุฎราช กุมารแห่งเนปาล ใช้ปืนกราดยิงกษัตริย์พิเรนทรา และสมเด็จพระราชินีไอศวรรย์สวรรคตพร้อมเชื้อพระวงศ์อีก 7 พระองค์ แล้วลั่นกระสุนจ่อยิงพระองค์เอง โดยเจ้า ชายปาราสอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

ต่อมาวันที่ 3 มิ.ย.2544 ทางการเนปาลได้อัญเชิญเจ้าชายทิพอินทรา  ขึ้นครองราชย์แต่พระองค์สวรรคตในวันดังกล่าว สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทราวีรวิกรมศาหเทวะ พระอนุชากษัตริย์พิเรนทรา ขึ้นครองราชย์สืบต่อ กระทั่งวันที่ 28 พ.ค.2551 สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทราวีรวิกรมศาหเทวะ ทรงสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการ เนื่องจากสภาร่างรัฐธรรมนูญแห่งเนปาล ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศจากรูปแบบราชอาณาจักรเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย ทำให้เจ้าชายปาราสกลายเป็นอดีตเจ้าชายไม่ได้รับสิทธิ พิเศษเหมือนในอดีต ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าชายปาราส มี พฤติกรรมเหมือนเพลย์บอย ชอบซิ่งรถ และดำเนินชีวิตสุรุ่ยสุร่าย ทำให้ไม่ได้รับการยอมรับจากชาวฮินดูในประเทศเนปาลที่เคร่งศาสนา

ด้านสื่อมวลชนเนปาล รวมทั้งเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ เดอะ หิมาลายัน ไทม์ส เว็บไซต์รีพับลิกา และเว็บไซต์ เดอะ ฮินดู ต่างรายงานข่าวอดีตเจ้าชายปาราสถูกจับกุมในประเทศไทยเช่นกันเมื่อ 28 พ.ย. โดยอ้างการเปิดเผยของตำรวจ จ.ภูเก็ต และสื่อมวลชนไทยบางสำนักว่า อดีตมกุฎราชกุมารเนปาล ถูกจับกุมที่ จ.ภูเก็ต เมื่อกว่า 1 เดือนก่อน ในข้อหาครอบครองยาเสพติดประเภทกัญชาหนัก 3.5 กรัม พระองค์ถูกจับพร้อมหญิงสาวคนหนึ่ง ถูกขังในห้องขังที่ภูเก็ตนาน 1 คืน เมื่อวันที่ 23 ต.ค. และต่อมาได้รับการประกันตัวออกไปในวงเงิน 10,000 บาท โดยเปิดเผยว่า ตัดสินใจจะสู้คดี อ้างว่าพระองค์ไม่ใช่เจ้าของกัญชาดังกล่าว เดอะ หิมาลายัน ไทม์ส รายงานด้วยว่า สถานทูตเนปาลในประเทศไทยได้รับแจ้งว่า เจ้าชายปาราสถูกจับกุมเมื่อวันที่ 27 ต.ค. แต่ทั้งทางสถานทูตเนปาลในไทย และสถานทูตไทยประจำเนปาล ยังคงนิ่งเงียบไม่เปิดเผยเรื่องการจับกุมครั้งนี้

...