ตร.ได้‘เส้นผม’มัดพาตัวเค้นรับสิ้นไส้อ้างดุด่า-ไม่เชื่อฟงค้อนฟาดขณะหลับจัดฉากอำพรางคดี

ช็อกความรู้สึก คดีฆาตกรรมน้องเบิร์ด-เด็ก ม.1 หมกบันไดหนีไฟ ตำรวจรวบตัวยาย เป็นฆาตกรสังหารโหด หลานชายด้วยน้ำมือตนเอง  เค้นสอบหลั่งน้ำตาสารภาพสิ้น โมโหดุด่าเถียงไม่เชื่อฟัง  แค้นเลี้ยงไม่ได้ดี  ตบะแตกฉวยโอกาสตอนนอนหลับ  คว้าค้อนทุบกบาลยุบ ก่อนอุ้มศพลงไปอำพรางคดี ตำรวจมีหลักฐานมัดแน่นหนา เตรียมแถลงปิดคดี

จากเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญ กรณีพบศพน้องเบิร์ด-ด.ช.อรรถสิทธิ์ ลีเลิศยุทธ์ อายุ 13 ปี นักเรียน ชั้น ม.1/11 โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต นอนคว่ำ หน้าอยู่บริเวณบันไดหนีไฟระหว่างชั้น 3 และชั้น 4 ภายในอาคารยงเจริญ คอมเพล็กซ์ ซอยสุภาพงษ์ 1 อ่อนนุช 46 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขต ประเวศ กทม. เมื่อสายวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา โดย แพทย์ระบุสาเหตุว่า ถูกของแข็งตีที่ศีรษะอย่างแรงจนกะโหลกร้าว จากการสอบสวนทราบว่า น้องเบิร์ด อาศัยอยู่กับนางสมจิตร จำปาดี อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นยาย ส่วน น.ส.วราภรณ์ คำแสน อายุ 38 ปี แม่ผู้ตายอยู่กินกับสามีใหม่ เบื้องต้น ตำรวจพบประเด็นว่า น้องเบิร์ดมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนในโรงเรียนจนถูกอาจารย์เชิญผู้ปกครองไปพบ และมีปัญหาขัดแย้งกับวัยรุ่นในร้านเกม นอกจากนี้ ยังถูกชักนำให้เข้าไปพัวพันกับธุรกิจมืด และกำลังเร่งคลี่คลายคดี เพื่อติดตาม ตัวฆาตกรโหดมาลงโทษ

ล่าสุด ตำรวจได้ปิดคดีนี้ลงแล้วแบบช็อกความ รู้สึก โดยความคืบหน้า เมื่อวันที่ 16 ก.ค. พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ บุญยืนอนนท์ ผกก.สส.บก.น.5 เปิดเผยว่า หลังจากไปตรวจสภาพศพน้องเบิร์ดอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่สถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ พบเส้นผมมีความยาวคล้ายกับเส้นผมของผู้หญิงติดอยู่ที่ศพ ส่วนที่แขนมีร่องรอยคล้ายถูกเชือกรัด คาดว่าน่าจะถูกพันธนาการก่อนเสียชีวิต ขณะที่สภาพศพในที่เกิดเหตุลักษณะคล้ายถูกอุ้มมาวางไว้ เนื่องจากฝ่าเท้า ของน้องเบิร์ดไม่มีรอยแปดเปื้อน ถ้าถอดรองเท้าเดินมาจะต้องมีรอยเลอะ ดังนั้น ในเบื้องต้นสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดเหตุฆาตกรรมภายในห้องใดห้องหนึ่งของตึกดังกล่าวอย่างแน่นอน ขณะนี้ รอสอบปากคำ ยายของน้องเบิร์ดเกี่ยวกับพฤติกรรมของน้องเบิร์ดอย่างละเอียดอีกครั้งว่าเป็นอย่างไร คบกับใครในตึก บ้าง และช่วงเวลาดังกล่าวบอกหรือไม่ว่าจะออกไปพบใคร ขณะเดียวกัน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.สส. บก.น.5 เร่งตรวจสอบร้านเกมที่น้องเบิร์ดชอบไปเล่น ว่ามีเรื่องหรือมีปัญหากับใคร

ด้าน พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ ผกก.สส.3 บก. บช.น. กล่าวว่า หลังจากที่ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. ได้เรียกประชุมเพื่อเข้าร่วมคลี่คลายคดีนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ กก.สส.3 บช.น. ตรวจสอบอาคารยงเจริญ คอมเพล็กซ์ อย่างละเอียดอีกครั้ง โดยนำสุนัขตำรวจไปดมกลิ่นตรวจหาผู้ต้องสงสัยภายในตึก รวมทั้งตรวจสอบผู้พักอาศัยภายในอาคารแล้ว ก็ยัง ไม่มีความคืบหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างละเอียดอีกครั้ง

ขณะที่ พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ พิสุทธิศักดิ์ รอง ผบช.น. กล่าวถึงการติดตามตัวคนร้ายว่า ขณะนี้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบห้องพัก ภายในอาคารยงเจริญ คอมเพล็กซ์ ทั้ง 180 ห้องแล้ว ว่ามีผู้ใดเคยรู้จักกับผู้ตายและผู้ตายเคยเข้าไปในห้องใดบ้าง ทั้งนี้ จากการ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นภาพชาย 3 คนเข้ามาในอาคาร แต่ตรวจสอบแล้วไม่พบพิรุธแต่อย่างใด ดังนั้น เชื่อว่าคนร้ายน่าจะอยู่ในอาคารอย่างแน่นอน

ต่อมา พ.ต.ท.รุ่งชาติ ร่งทอง รอง ผกก.สส.สน.พระโขนง กล่าวว่า ในวันนี้ได้เชิญตัวนางสมจิตร จำปาดี อายุ 55 ปี ยายน้องเบิร์ด เข้าให้ปากคำกับ พนักงานสอบสวนเพิ่มเติม หลังจากที่เสร็จสิ้นการฌาปนกิจหลานชายแล้ว แต่เท่าที่สอบปากคำ นาง สมจิตรยังคงให้การเหมือนเดิมคือ ก่อนเกิดเหตุได้ว่ากล่าวตักเตือนน้องเบิร์ด ซึ่งมีปัญหาชกต่อยกับเพื่อนจนอาจารย์เรียกผู้ปกครองไปพบ ทำให้น้องเบิร์ดเกิด อาการไม่พอใจ เดินออกจากห้องไป โดยไม่ได้บอกว่าไปไหน ส่วนเพื่อนในตึก ยายให้การว่าไม่ทราบ ว่าน้องเบิร์ดคบกับใครบ้าง หรือไปมีเรื่องกับใคร ซึ่ง ในส่วนนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.พระโขนง กำลังตรวจสอบอยู่ รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีวัยรุ่นเข้ามา 3 คน เข้าไปในเวลาใกล้เคียงกัน แต่ตรวจสอบแล้วให้น้ำหนักน้อยลง ถึงตอนนี้ตำรวจมั่นใจว่าน้องเบิร์ดถูกฆาตกรรมในตึกอย่างแน่นอน แต่จะเป็นตรงไหนกำลังตรวจสอบอยู่

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ภายหลังจากที่ตำรวจหลายหน่วยงาน เร่งมือสอบสวนคลี่คลายคดีนี้ ในที่สุดก็สามารถรวบตัวฆาตกรสังหารโหดน้องเบิร์ดได้แล้ว ซึ่งไม่ใช่ใครกลายเป็นนางสมจิตร จำปาดี อายุ 55 ปี ยายของน้องเบิร์ดนั่นเอง โดยเบื้องหลังการรวบตัวยายฆ่าหลาน แบบช็อกความรู้สึก เริ่มต้นจากตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของอาคารแล้วพบว่า หลังเลิกเรียน น้องเบิร์ดกลับเข้าห้องพักในเวลาประมาณ 19.04 น. จากนั้นไม่ได้ออกไปไหนอีก นอกจากนี้  ยังพบว่านางสมจิตรเดินถือถุงพลาสติกสีเหลืองบรรจุสิ่งของบางออกจากห้องพักในตอนดึก ซึ่งเมื่อเชิญมาสอบปากคำ นางสมจิตรก็ให้การแบบมีพิรุธ ประกอบกับการตรวจสภาพศพอย่างละเอียดพบเส้นผมความยาวคล้ายผมของผู้หญิงติดอยู่ที่ศพ เมื่อนำไปตรวจดีเอ็นเอ พบว่าเป็นของนางสมจิตรผู้เป็นยาย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบด้วยว่า ฝ่าเท้าของน้องเบิร์ด ไม่มีร่องรอยเปื้อนเหมือนเดินด้วยเท้าเปล่า  แสดงว่าถูกอุ้มลงมาจัดฉากว่าถูกฆาตกรรม  ดังนั้น  เมื่อประมวลจากหลักฐานต่างๆเชื่อมโยงกันแล้ว  เชื่อว่าน่าจะถูก สังหารจากห้องใดห้องหนึ่งภายในอาคารอย่างแน่นอน

แต่ทั้งนี้ เมื่อตรวจสอบทุกห้องหมดแล้วเชื่อว่าห้องที่คนร้ายลงมือสังหารน่าจะอยู่ใกล้กับบันไดหนีไฟ และไม่สูงจากที่พบศพนัก จึงตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นห้องเลขที่ 80/115 ชั้น 5 ซึ่งผู้ตายพักอยู่กับยาย เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวนางสมจิตรไปสอบเค้นที่ห้องพักอีกรอบ ในที่สุด  นางสมจิตรก็หลั่งน้ำตายอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญ ฆ่าหลานชายด้วยน้ำมือตัวเอง โดยกล่าวว่าเป็นผู้ส่งเสียเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ หลังจากแม่น้องเบิร์ดไปมีสามีใหม่ ในวันเกิดเหตุ น้องเบิร์ดมาบอกว่ามีปัญหาชกต่อยกับเพื่อน และอาจารย์เชิญผู้ปกครองไปพบในวันรุ่งขึ้น จึงโมโหดุด่า กระทั่งเกิดการโต้เถียงกันขึ้น น้องเบิร์ดมีท่าทีไม่เชื่อฟังยาย จนกระทั่งนอนหลับ  นางสมจิตรใช้ค้อนตอกตะปูทุบที่ศีรษะและใบหน้าหลายครั้งจนเสียชีวิต จากนั้นได้อุ้มศพลงไปอำพรางคดี บริเวณบันไดหนีไฟ พร้อมกับนำผ้าปูที่นอนซึ่งเปื้อนเลือดใส่ถุงไปทิ้ง ซึ่งภายหลังนางสมจิตรยอมรับสารภาพ  เจ้าหน้าที่ได้พาไปติดตามหาหลักฐานต่างๆ พร้อมกับรายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบ โดยนางสมจิตรถูกควบคุมตัวอยู่ที่ กก.สส.น.5 เพื่อดำเนินคดีฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา และจะมีการแถลงข่าวปิดคดีฆาตกรรมอำพรางน้องเบิร์ดในวันที่ 17 ก.ค.ต่อไป

...