โรงพักโพธารามเจ๋งโยงเครือข่ายมาเลย์
ภาค 7 รวบแก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติยึดยาไอซ์-ยาบ้าลอตมหึมา ผู้ต้องหาเป็นกุ๊กร้านต้มยำกุ้งในมาเลเซีย อ้างช่วงกลับมาพักผ่อนเมืองไทย มีคนมาเลย์จ้างให้ขนกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่กลับไปให้ด้วย สงสัยลองเปิดออกดูกลายเป็นยาไอซ์จำนวนมากเลยฮุบไว้เอง ทยอยปล่อยของให้พรรคพวกนำไปขายในราคาต่ำกว่าท้องตลาด ขายดีเป็นเทน้ำ-เทท่า แต่ไม่รอดพ้นสายตาตำรวจ สืบทราบจนรู้แหล่งกบดานก่อนจับกุมได้ทั้งขบวนการ ผบช.ภ.7 ระบุ
มูลค่ายานรกสูงกว่า 80 ล้านบาท หากหลุดรอดไปนอกประเทศจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
ที่ห้องประชุมสำนักงานตำรวจภูธร ภาค 7 อ.เมืองนครปฐม เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 ก.ค. พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.นิพนธ์ ภู่พันธ์ศรี ผบก.ภ.จ.ราชบุรี พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงส์ ผกก.สส. ภ.จ.ราชบุรี พร้อมชุดสืบสวน ภาค 7 สืบสวน ภ.จ.ราชบุรี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติ ผู้ต้องหา 4 คน ประกอบด้วย นายจิรวัฒน์ ญาณพันธ์ อายุ 34 ปี นายนำโชค หรือดอน ผูกสิน อายุ 30 ปี นายสัญญา หรือเอ๋ จิตรอิ่ม อายุ 33 ปี และนางณริสรา ชัยงาม อายุ 24 ปี ภรรยานายสัญญา พร้อมของกลางยาบ้า 2,000 เม็ด ยาไอซ์รวม 28 กก. ยึดทรัพย์สินที่มาจากการค้ายาเสพติด มีเงินสด 3 แสนบาท รถเก๋ง และรถ จยย. แจ้งข้อหามียาบ้าและยาไอซ์ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย
พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า เมื่อเช้าวันที่ 11 ก.ค. ชุดสืบสวน สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี สืบทราบว่าที่บ้านเลขที่ 199/4 หมู่ 4 ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ผู้เช่ามีพฤติกรรมเกี่ยวพันสิ่งผิดกฎหมาย จึงขอหมายศาลเข้าตรวจค้น พบนายจิรวัฒน์ ญาณพันธ์ และนายนำโชค ผูกสิน อยู่ในบ้าน ค้นในตัวนายนำโชคพบยาบ้า 5 เม็ดซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง ตรวจค้นในบ้านพบยาบ้าอีก 2,000 เม็ด ซ่อนอยู่หัวเตียงนอน นายจิรวัฒน์ สารภาพอีกว่า ยังมียาไอซ์อีก 27.2 กก. ซุกไว้ในบ้านเลขที่ 23 หมู่ 6 ต.นครชุม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเช่าไว้อีกหลังเพื่อเก็บยาไอซ์รอการจำหน่ายตำรวจไปตรวจค้นพบยาไอซ์จำนวนดังกล่าวอยู่ในกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ซ่อนอยู่ใต้เตียงในห้องนอน จากนั้นขยายผลไปจับกุมนายสัญญาและนางณริสรา 2 ผัวเมีย อยู่บ้านเลขที่ 42/6 ต.ท่าเสา อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ซึ่งรับยาไอซ์ 8 กก. จากนายจิรวัฒน์ ไปขายต่อและยึดยาไอซ์คืนมาได้เพียง 800 กรัม
นายจิรวัฒน์ให้การอ้างว่า อดีตเป็นกุ๊กอาหารไทยอยู่ร้านต้มยำกุ้ง เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย หลังทำงานครบ 2 ปีขอกลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย ได้มีชายมาเลเซียคนหนึ่งติดต่อให้ตนช่วยขนกระเป๋าเสื้อผ้าจากเพื่อนคนไทยกลับไปให้ที่มาเลเซีย จ่ายค่าจ้างให้ 9 หมื่นบาท เมื่อครบกำหนดกลับมาเลเซีย ปรากฏว่ามีชายไทยนำกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ปิดกุญแจแน่นหนาผิดสังเกตมาให้ที่บ้าน บอกว่าฝากไปให้เพื่อนชาวมาเลเซีย หลังชายคนดังกล่าวกลับไป ด้วยความสงสัยเลยตัดกุญแจออกเปิดดูพบว่าในกระเป๋าเป็นยาไอซ์ถึง 35 กก. จึงคิดฮุบไว้เอง และติดต่อนายนำโชคที่รู้จักกับพ่อค้ายาบ้าให้หาบ้านเช่าเก็บยาไอซ์รอการจำหน่าย ต่อมามีนายสัญญาติดต่อขอซื้อยาไอซ์ไปขายต่อได้เพียง 8 กก.ก็มาถูกจับ ยอมรับว่าไม่รู้ราคายาไอซ์เลยขายถูกกว่าท้องตลาดมาก ส่วนเงินที่ได้มาก็นำไปใช้จ่ายเที่ยวเตร่และซื้อเครื่องดนตรีตั้งวงสตริงชื่อ “ซีบอร์ด แบนด์” เพื่อรับงานทั่วไป แต่ยังไม่ทันได้ออกงานก็มาถูกจับก่อน
ด้านนายสัญญารับสารภาพว่า ยาไอซ์ 8 กก.ที่รับมาจากนายจิรวัฒน์ได้จำหน่ายไปหมดแล้ว เหลือแค่ 800 กรัม ที่ตำรวจค้นพบเท่านั้น เนื่องจากตนและภรรยาไม่เคยขายยาไอซ์มาก่อนเช่นกันเลยไม่รู้ราคาท้องตลาดและต้องการขายเร็ว โดยรับยาไอซ์มาในราคาขีดละ 1.3 หมื่นบาท นำมาขายขีดละ 1.8 หมื่นบาท ทั้งที่ราคาท้องตลาดทั่วไปตกขีดละ 2.5-3 หมื่นบาท ทำให้มีลูกค้ามาติดต่อซื้อกันมากจนหมดในเวลารวดเร็ว ส่วนใหญ่จะขายในพื้นที่ จ.ราชบุรี กาญจนบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร โดยนางณริสรา ขณะนี้ตั้งท้องได้ 6 เดือน มีหน้าที่นำยาไอซ์ส่วนที่เหลือมาบรรจุเป็นถุงเล็ก ถุงละ 1 กรัม ขายให้กับวัยรุ่นในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี และใกล้เคียงในราคาถุงละ 1,800 บาท
พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 กล่าวว่า การจับยาไอซ์และยาบ้าในครั้งนี้ถือเป็นรายใหญ่สุดของภาค 7 มูลค่ายาไอซ์หากจำหน่ายในประเทศมีมูลค่ากว่า 80 ล้านบาท และหากถ้าส่งออกไปต่างประเทศได้จะเพิ่มมูลค่าถึง 3 เท่า เป็น 240 ล้านบาททันที ขอชมเชยการทำงานของตำรวจ สภ.โพธาราม และ ภ.จ.ราชบุรี ที่ประสานงานกันเป็นทีมทำให้จับกุมยาไอซ์รายใหญ่ได้สำเร็จ และจะขยายผลไปถึงผู้ซื้อรายอื่นๆอีก โดยจะนำมาตรการยึดทรัพย์มาใช้กับผู้ต้องหาทั้งหมดที่ถูกจับด้วย
...