“ศักดา” เผยผลสอบข้อเท็จจริงจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวะภายใต้โครงการ SP2 แค่ชุดครุภัณฑ์ปฏิบัติการสิ่งแวดล้อมรายการเดียวพบราชการเสียหาย 100% ผู้เกี่ยวข้องให้ถ้อยคำเป็นหลักฐานมัดไม่เคยมีเอี่ยวตั้งแต่ในขั้นตอนแรกถึงขั้นตอนสุดท้าย คาดทั้งโครงการเสียหายไม่น้อยกว่า 2,500 ล้านบาท เตรียมสรุปสำนวนทั้งหมดเสนอนายกฯ-รมว.ศึกษาธิการ แนะเด้งแม่บ้าน ศธ.พ้นวังจันทรเกษม หวั่นมีอิทธิพลต่อการตรวจสอบและสอบสวนวินัยร้ายแรง

จากกรณีที่นายศักดา คงเพชร  รมช.ศึกษาธิการ ได้ลงนามในคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการ  ที่  สร 531/2555 แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการจัดหาครุภัณฑ์อาชีวศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ภายใต้โครงการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 2 ไทยเข้มแข็ง หรือ SP2 จำนวน 4 ชุด เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงว่าการจัดหาครุภัณฑ์ดังกล่าวมีพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางไม่สุจริตทำให้ราชการเกิดความเสียหายหรือไม่นั้น

ความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 13.00  น. วันที่ 12 ก.ค. นายศักดาเปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการฯได้ลงพื้นที่สืบหาข้อเท็จจริงระหว่างวันที่ 9-12 ก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าการจัดซื้อครุภัณฑ์เอสพี 2 ของ สอศ.มีการจัดซื้อในหลายวงเงิน โดยในเบื้องต้นคณะกรรมการฯได้ตรวจสอบในส่วนของการจัดซื้อครุภัณฑ์วงเงิน 122 ล้านบาทก่อน ซึ่งพบว่ามีการจัดซื้อครุภัณฑ์หลายรายการโดยรายการที่คณะกรรมการฯได้สรุปว่า  ทำให้ราชการได้รับความเสียหาย 100% คือ ชุดครุภัณฑ์ปฏิบัติการสิ่งแวดล้อม ซึ่งจัดส่งให้สถานศึกษา 8 แห่ง วงเงิน 31,500,000 บาท หรือชุดละ 3,937,500 บาท โดยคณะกรรมการฯได้สรุปถ้อยคำผู้ที่เกี่ยวข้องในทุกสถานศึกษา ซึ่งระบุชัดว่าได้รับครุภัณฑ์ทั้งที่ไม่ได้เสนอขอ ไม่มีบุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกำหนดสเปกครุภัณฑ์ ไม่มีส่วนร่วมในการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่มีส่วนในการตรวจรับครุภัณฑ์ ไม่มีการฝึกอบรมการใช้ครุภัณฑ์  และส่วนใหญ่ยังถูกเก็บอยู่ในกล่องหรือห้องเก็บของ  ที่สำคัญทุกสถานศึกษาไม่ได้สอนสาขาสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงถือได้ว่าการจัดซื้อครุภัณฑ์ในรายการดังกล่าวไม่มีความคุ้มค่าในการลงทุน ทำให้ราชการได้รับความเสียหาย

รมช.ศึกษาธิการกล่าวอีกว่า แม้ว่าในวันนี้คณะกรรมการสืบสวนฯจะสามารถสรุปผลการสืบสวนครุภัณฑ์มาให้ตนเพียงรายการเดียวจากทั้งหมด 8 รายการ แต่เท่าที่ได้รับรายงานเกี่ยวกับการสอบสวนในรายการอื่นๆ ทราบว่าทุกรายการที่คณะกรรมการฯลงไปตรวจดูก็จะมีลักษณะที่สร้างความเสียหายให้กับทางราชการเหมือนกันหมด  คือไม่มีความคุ้มค่าและมีราคาสูงมาก  อย่างไรก็ตาม คงต้องรอผลสรุปทั้งหมด ซึ่งคณะกรรมการฯจะสรุปรวมยอดการจัดซื้อวงเงิน 122 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งหมด 8 ชุดครุภัณฑ์อีกครั้ง เพื่อเสนอต่อ  รมว.ศึกษาธิการ  คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง  และนายกรัฐมนตรี  รวมถึงนำส่งข้อมูลให้กองปราบปราม ซึ่งได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับอดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและ ผู้อำนวยการสำนักฯใน  สอศ.ที่เกี่ยวข้องไว้แล้วด้วย

“หลังจากรวบรวมความเสียหายของโครงการเอสพี 2 ได้แล้วจะสรุปภาพรวมอีกครั้งว่าได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการเท่าไหร่ แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าทั้งโครงการเอสพี 2 วงเงิน 5,300 ล้านบาท ความเสียหายน่าจะไม่น้อยกว่า 2,500 ล้านบาทแน่นอน สำหรับตัวบุคคลที่จะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องตรวจสอบให้ได้ว่าความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ในช่วงใครมีอำนาจ ใครเป็นผู้ลงนามในสเปก ลงนามในสัญญา แต่ที่สำคัญผู้บริหารระดับสูงสุด ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาคงปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แม้แต่ในทางการเมือง ผู้มีอำนาจในขณะนั้นก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย เพราะการใช้งบฯเอสพี 2 จะต้องออกมาเป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างไรก็ตามในวันที่ 17 ก.ค.นี้ คณะกรรมการสอบสวนฯจะสรุปผลการสอบสวนทั้งหมดว่าใครที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้บ้าง และหากมีชื่อ น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เนื่องจากเป็นหัวหน้าส่วนราชการของ สอศ.ในขณะนั้นด้วย ผมก็จะเสนอ รมว.ศึกษาธิการ ให้เสนอเรื่องโยกย้าย น.ส.ศศิธาราเข้าสู่ ครม.เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่นอก ศธ.ไปก่อนด้วย เพราะอาจจะมีอิทธิพลต่อการตรวจสอบและสอบสวนวินัยร้ายแรงในเรื่องนี้ได้” นายศักดากล่าว

...