แพทย์เครียด หลวงพ่อคูณทรุด เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ทั้งสมองและปอด พบปอดอักเสบแทรกซ้อนจนมีอาการซึม ไข้สูง หวั่นติดเชื้ออีก ให้ยาปฏิชีวนะเพิ่มต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์ ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ดูอาการกันวันต่อวัน ยอมรับน่าเป็นห่วง แต่ยังไม่ต้องส่งไปโรงพยาบาลศิริราช แม้จะมีการประสานงานมาแล้ว ชี้เหตุอาการหนักเพราะภูมิต้านทานลด ประกอบกับอายุมากและมีโรคประจำตัว ทำให้การแพร่กระจายของโรครวดเร็วและรุนแรง

หลังจากพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เข้ารักษาอาการอาพาธหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และมีอาการ แทรกซ้อนติดเชื้อที่ปอดจนอาการทรุดลงนั้น ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่ห้อง 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา นายแพทย์พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ นายแพทย์ชัยวิวัฒน์ ตุงคะเสรีรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาท แพทย์หญิงวิลาวัลย์ แสงศิรินาคะกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ ตรวจร่างกายหลวงพ่อคูณ พบว่ามีไข้ 38.6 องศาเซลเซียส หายใจ 18 ครั้งต่อนาที ชีพจร 71 ครั้ง ต่อนาที ความดัน 167/64 ก่อนจะนำไปเอกซเรย์

คณะแพทย์หารือกันอย่างเคร่งเครียด หลังจากนั้น นายแพทย์ชัยวิวัฒน์เปิดเผยว่า อาการติดเชื้อลง สู่ปอดยังไม่ดีขึ้น และมีไข้สูง อาการน่าเป็นห่วง แต่ยังไม่ถึงกับต้องส่งไปโรงพยาบาลศิริราช ส่วนนายแพทย์พินิศจัยเรียงลำดับอาการว่า ครั้งแรกวันอังคารที่ผ่านมา หลอดลมอักเสบ เสมหะมาก สะอึกบ่อย ต้องให้ยาปฏิชีวนะและยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ วันศุกร์ช่วงเช้า อาการดีขึ้นมาก แต่เวลาประมาณ 14.00 น. มีอาการสำลัก ช่วงเย็นเริ่มมีไข้สูง แพทย์ ได้เปลี่ยนแนวทางการรักษาจากยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อในรูปยาฉันมาเป็นยาฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำแทนและ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ปอด ปรากฏว่ามีภาวะปอดอักเสบเกิดขึ้น หรือปอดบวมแทรกซ้อนเข้ามา

นายแพทย์พินิศจัยเผยต่อไปว่า ช่วงดึกประมาณ 02.00 น. วันที่ 8 ก.ค. ไข้ขึ้นสูง คณะแพทย์รีบประเมิน พิจารณาเรื่องยาฆ่าเชื้อที่ให้แม้จะค่อนข้างกว้างและครอบคลุมเชื้อได้มากและปริมาณพออยู่แล้ว แต่อาจ จะต้องเพิ่มปริมาณตัวยามากขึ้น ต่อมาตอนเช้ายังมี ไข้สูงและเริ่มซึม ยังไม่แน่ใจว่าซึมจากไข้สูงติดเชื้อหรือซึมจากสาเหตุอื่นแทรกซ้อนอีก โดยเฉพาะทางสมอง จึงเอกซเรย์สมองและปอด สมองยังไม่มีปัญหา ผลการตรวจที่ไข้สูงและซึมมาจากการติดเชื้อปอดอักเสบอย่างเดียว ได้ให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำเต็มที่ ต้องฉีดยานี้อย่างน้อย 1 สัปดาห์ และดูอาการกันวันต่อวัน

“ถ้าถามว่า อาการทรุดหรือไม่ ตอบว่าทรุดลง และน่าเป็นห่วงทุกครั้ง สิ่งที่ทีมแพทย์กลัวคือภาวะแทรกซ้อนติดเชื้อซ้ำซ้อนเข้าไปอีก โดยเฉพาะปอดบวมก็เกิดขึ้นแล้ว พอท่านมีภาวะอาพาธขึ้น ภูมิต้านทานลดลง ประกอบกับอายุมากและมีโรคประจำตัว ทำให้ การแพร่กระจาย หรือการดำเนินโรคเป็นไปได้รวดเร็ว และรุนแรง ส่วนเรื่องการจะกลับวัดบ้านไร่นั้น ยังไม่คิด เอาไว้ค่อยว่ากันอีกที ช่วงนี้รักษาให้ท่านดีก่อน ทีมแพทย์โรงพยาบาลศิริราชได้ประสานในการรักษา มาแล้ว ถ้าจะถามว่า จะต้องส่งไปโรงพยาบาลศิริราชหรือไม่ ขอตอบว่า ตอนนี้ยัง แต่ทางไหนเป็นทางที่ดีที่สุด เราจะเลือกทางนั้น เพราะท่านเป็นคนของประชาชน ถ้าจำเป็นต้องส่งโรงพยาบาลศิริราชก็พร้อมที่จะส่ง แต่ตอนนี้ยังไม่มีการพูดถึงกัน” นายแพทย์พินิศจัยกล่าว

...