รวบได้2คนรับช่วยเพื่อนถูกตัดสิน20ปี
ตำรวจปิดคดีบึมถล่มเรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้วหลังตามจับกุม 2 คนร้ายฉายาบาสห้อยกับบาสเล็ก ได้ภายใน 24 ชั่วโมง สอบสวนยอมรับสิ้นเพื่อนรักนักโทษคดีฆ่าผู้อื่นถูกศาลตัดสินลงโทษ 20 ปี ติดต่อผ่านทางโทรศัพท์ให้ช่วยเหลือ หากทำสำเร็จจะได้ค่าจ้างนับแสน แถมพาไปเลี้ยงดูที่กรุงเทพฯอย่างดี เลยรับงาน คาดมีนักโทษที่ต้องโทษสูงหลายคนร่วมกันวางแผนเพื่อจะหนี เพราะมีการเตรียมรถปิกอัพ มารอรับหลายคัน
กรณีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 2 คน นำระเบิดสังหารแบบเคโมเอ็ม 18 เอ 1 ไปวางข้างกำแพงเรือนจำกลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนกระโดดข้ามรั้วโรงเรียนประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งอยู่ใกล้กันแล้วกดชนวนระเบิดบึมถล่มหวังทำลายกำแพงเรือนจำ แต่แรงระเบิดทำได้เพียงสร้างความเสียหายเล็กน้อย เบื้องต้นเชื่อเป็นการวางแผนทำลายกำแพงเรือนจำเพื่อเปิดทางให้นักโทษที่ต้องโทษสูงและคดีอุกฉกรรจ์หลบหนี เนื่องจากช่วงเวลาที่คนร้ายก่อเหตุตรงกับเวลาที่ผู้ต้องขังลงจากห้องควบคุมในแดนมั่นคงสูงเพื่ออาบน้ำและทำภารกิจส่วนตัวก่อนขึ้นเรือนนอนตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 00.55 น. วันที่ 25 มิ.ย. ที่ห้องปฏิบัติการ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.วิฑูร ธรรมรักษา ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.นันทเดช ย้อยนวล รอง ผบก. พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รอง ผบก. พ.ต.อ.สุวัฒน์ สุขศรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พ.ต.ท.คณธัช เรืองอรุณ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สุทธิ นิติอัครพงษ์ รอง ผกก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายกิตติศักดิ์ หรือบาส สีแก้วคง หรือฉายาบาสห้อย อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 223/77 หมู่ 4 ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี กับนายแก้ว (นามสมมติ) หรือฉายาบาสเล็ก อายุ 17 ปี บ้านอยู่หมู่ 4 ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาร่วมกันวางระเบิดกำแพง เรือนจำสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.วิฑูรกล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นำโดย พ.ต.ท.โยธินทร์ สิทธิโยธี สว.สส.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ระดมกำลังออกสืบเบาะแสของกลุ่มคนร้ายเต็มที่ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพคนร้ายไว้ได้ กระทั่งทราบ ตัวที่แน่ชัดและตามจับกุมนายกิตติศักดิ์ สีแก้วคง หรือฉายาบาสห้อย ได้ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ หมู่บ้านรังสรรค์ ถนนอำเภอ ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี เป็นบ้านเพื่อนของนายกิตติศักดิ์ ก่อนคุมตัวมาสอบขยายผล จนทราบว่าพวกที่ร่วมก่อเหตุอีกคนคือ นายแก้ว หรือฉายาบาสเล็ก อายุ 17 ปี ตำรวจจึงตามจับกุมนายแก้วได้ขณะหนีไปกบดานที่บ้านเพื่อน ที่หมู่บ้านดอนเกลี้ยง ต.ขุนทะเล อ.เมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าสเตป ในสภาพถูกถอดชิ้นส่วนและเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ
ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานีกล่าวอีกว่า จากการสอบสวนนายกิตติศักดิ์ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์มือถือจากนายนัฐพงศ์ หรือบ่าว อยู่สกุล อายุ 22 ปี เป็นนักโทษในเรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี คดีฆ่าผู้อื่นบริเวณหน้าสนามกีฬาเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 1 ก.ค.52 และถูกจับกุมเมื่อวันที่ 8 ก.ย.52 ศาลตัดสินจำคุก 20 ปี เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.55 ที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นเพื่อนรักของนายกิตติศักดิ์ ให้ก่อเหตุวางระเบิดกำแพงเรือนจำโดยมีการประสานกับกลุ่มนักโทษในเรือนจำผ่านนายบ่าว โดยไม่รู้ว่าใครคือคนบงการที่แน่ชัด
พล.ต.ต.วิฑูรกล่าวอีกว่า นายกิตติศักดิ์ให้การด้วยว่า ในการประสานกัน นายบ่าวบอกว่า จะมีทหาร นำระเบิดใส่กระเป๋ามาให้บริเวณถนนเสรีพล เขตเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ราว 3 วันก่อนเกิดเหตุ นายกิตติศักดิ์จึงได้ไปรอรับระเบิดตามนัดหมาย โดยไม่ได้พบหน้าว่าใครนำระเบิดมาให้ พบเพียงกระเป๋าเป้ที่ภายในบรรจุระเบิดพร้อมเครื่องชนวนและเงิน 800 บาท ตั้งอยู่ข้างถังขยะริมถนน หลัง
จากนั้นก็ได้รับโทรศัพท์เร่งให้นายกิตติศักดิ์รีบทำงานให้สำเร็จ โดยแนะวิธีวางระเบิดและจุดชนวนหากทำสำเร็จจะได้เงินหลักแสนบาทและพาไปเลี้ยงดูที่กรุงเทพฯ นายกิตติศักดิ์จึงไปชักชวนนายแก้วก่อเหตุ โดยนายกิตติศักดิ์เป็นคนหิ้วกระเป๋าระเบิดและเดินสายชนวนยาว 5 เมตร ส่วนนายแก้วทำหน้าที่วางระเบิดและกดชนวนระเบิด และทราบว่าในวันก่อเหตุมีรถปิกอัพ 2-3 คัน มาจอดรอรับนักโทษหากกำแพงด้านหน้าเรือนจำพังด้วย แต่ผู้ต้องหาไม่ทราบว่าคนสั่งการคือใคร ทำไปเพราะเพียงอยากได้ค่าจ้างและช่วยเหลือเพื่อนรักออกจากคุกเท่านั้น
ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานีกล่าวว่า ตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่ จนสามารถติดตามคนร้ายได้ภายใน 24 ชั่วโมง โดยได้ข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิดและจากการสืบสวนหาข่าวของเจ้าหน้าที่จนทราบว่าผู้ก่อเหตุทั้งสองมีลักษณะตรงตามภาพจึงนำกำลังเข้าจับกุม และจากการสอบสวนผู้ต้องหาได้รับสารภาพอย่างชัดเจน ส่วนผู้สั่งการหรือร่วมขบวนการนั้น คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มนักโทษที่ต้องโทษสูงหลายคนร่วมกันวางแผนเพื่อจะหนีออกมา โดยมีการประสานผ่านทางนายบ่าว ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ต้องหา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนสอบสวนต่อไป
ต่อมาบ่ายวันเดียวกัน พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู รอง ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุวัฒน์ สุขศรี ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี และชุดสืบสวน คุมตัวนายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ส่วนนายแก้วยังเป็นเยาวชนจึงใช้บุคคลอื่นแทน โดยจุดแรกทั้ง 2 ขี่รถ จยย.ไปจอดหน้าโรงเรียนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนนำกระเป๋าเป้บรรจุระเบิดไปวางที่จุดหมายพร้อมต่อสายชนวน แล้วลากสายไฟข้ามไปยังฝั่งโรงเรียนจังหวัดสุราษฎร์ธานี จากนั้นใช้เท้ากดชนวนระเบิดก่อนพากันวิ่งไปขึ้นรถ จยย.หลบหนีจนถูกจับกุม ระหว่างทำแผนมีประชาชนให้ความสนใจมุงดูจำนวนมาก แต่ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำให้เกิดระเบิดโดยประการที่น่าจะเกิดต่อบุคคลอื่นและร่วมกันมีวัตถุระเบิดและยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย นำตัวดำเนินคดี
...