มีพยานเอกชี้เบาะแสมือมีดโดนรวบชุมพรจับคนขี่จยย.มหาชัยอ้างไม่คิดว่าจะถึงตาย

รวบ 2 วายร้ายฆ่าแหม่มชาวออสเตรเลียได้แล้ว หลังหนีไปกบดานที่ต่างจังหวัด โดยมือมีดหนีไปซ่อนตัวที่บ้านเพื่อนในสวนยาง จ.ชุมพร ส่วนคนขี่ จยย.ถูกรวบที่บ้านเกิดมหาชัย สารภาพตั้งใจชิงทรัพย์แต่เหยื่อขัดขืนเลยจ้วงแทงคิดว่าไม่ตาย ภายหลังรู้ว่าเหยื่อเสียชีวิตรีบเผ่นออกจากพื้นที่แต่ไม่รอด หลังจับกุม ผบ.ตร.-รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่แถลงข่าวใหญ่ ส่วนอุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ตเรียกร้องภาครัฐดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวอย่างจริงจัง

จากคดีสะเทือนขวัญ ทำให้วงการธุรกิจท่องเที่ยวของไทยฉาวโฉ่ไปทั่วโลก กรณี 2 คนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์และแทง น.ส.สมิธ มิเชล อลิชซาเบท อายุ 59 ปี นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย เสียชีวิตกับ น.ส.ลินนี่ แทมี่ ลี อายุ 45 ปี สัญชาติเดียวกันได้รับบาดเจ็บ และทั้งสองยังเป็นเอเย่นต์ทัวร์ประเทศออสเตรเลียที่เดินทางมาดูสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตด้วย เหตุเกิดบริเวณหน้าโรงแรมกะตะธานี

บีช รีสอร์ท ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต เมื่อคืนวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุขณะที่ตำรวจระดมล่าตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่องชนิดแทบจะพลิก แผ่นดิน  เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ส่งผลต่อภาพพจน์ของประเทศ กระทั่ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ได้ส่ง พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต  รอง  ผบ.ตร.ลงไปคุมคดีด้วยตัวเองพร้อมประกาศค่าหัวของวายร้ายรายนี้ 3 แสนบาท

ในที่สุด 2 วายร้ายผู้ก่อคดีหนีไม่พ้นเงื้อมมือกฎหมาย ถูกชุดสืบสวนตามล็อกตัวได้ทั้งคู่ หลังมีพยานปากเอกมายืนยัน โดยช่วงวันที่ 25 มิ.ย. พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต พ.ต.ท.บุญเลิศ อ่อนกลาง พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง เจ้าของคดี นำเอกสารและพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุครั้งนี้ 2 ราย จากศาลจังหวัดภูเก็ต และศาลได้อนุมัติหมายจับเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย นายสุรศักดิ์ หรือบอย สุวรรณโชติ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 ต.ไสหมาก อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับเลขที่ จ.333 ลงวันที่ 25 มิ.ย.55 กับนายสุรินทร์ หรือรินทร์ ทัศทอง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13 หมู่ 2 ต.หนองสองห้อง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร ตามหมายจับเลขที่ จ.334 ลงวันที่ 25 มิ.ย.55

ต่อมาชุดสืบสวนตามรวบตัวนายสุรศักดิ์ หรือบอย สุวรรณโชติ ได้ที่ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร โดยชุดสืบสวน บก.ภ.จ.ภูเก็ต ประสานขอกำลังจาก บก.ภ.จ.ชุมพร นำกำลัง นปพ.เข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 99 หมู่ 5 ต.คุริง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ของนายสุธี หรือเหมีย ทองปัญโน อายุ 42 ปี จู่โจมจับกุมนายสุร-ศักดิ์ได้คาบ้านซึ่งอยู่ในสวนยาง ใกล้กับชายแดนไทย-พม่า ตรวจค้นภายในบ้านพบอาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์แบบลูกกรดขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน 13 นัด

จากนั้นควบคุมตัวนายสุรศักดิ์กับนายสุธี เจ้าของบ้านไปสอบสวนยังเซฟเฮาส์แห่งหนึ่งนานหลายชั่วโมง ก่อนนำตัวนายนายสุธี เจ้าของบ้านส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าแซะ ดำเนินคดีข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยนายสุธีให้การปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นในคดีที่นายสุรศักดิ์ก่อ และไม่ทราบด้วยว่านายสุรศักดิ์ เป็นผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่าแหม่มนักท่องเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นนายสุรศักดิ์ให้การว่าต้องการเพียงทรัพย์สินเท่านั้น แต่ผู้ตายขัดขืนเลยต้องแทงและไม่คิดว่าเสียชีวิต เพราะเห็นมีคนช่วยแล้ว โดยก่อนจับกุมชุดสืบสวนได้ตามไปที่บ้านของผู้ต้องหาที่ อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช แต่ไม่พบตัว สอบถามญาติทราบว่าเดินทางมากบดานที่บ้าน จ.ชุมพรเลยตามมาล็อกตัว

ขณะเดียวกัน ชุดสืบสวนอีกชุดตามจับกุมนายสุรินทร์ หรือรินทร์ ทัศทอง คนขี่ จยย.ได้ที่บ้าน อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร หลังหนีมาหลบซ่อนตัว  โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คนถูกนำตัวไปสอบสวนที่ จ.ภูเก็ต โดยนายสุรินทร์รับสารภาพว่าร่วมกับนายสุรศักดิ์ก่อเหตุฆ่าแหม่มชาวออสเตรเลียจริงเพื่อจะชิงทรัพย์ไม่ตั้งใจฆ่า หลังการจับกุม พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดา-มาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.  เดินทางไปแถลงข่าวที่ จ.ภูเก็ต ในคืนวันเดียวกัน

สำหรับเบื้องหลังการออกหมายจับและนำไปสู่การจับกุมครั้งนี้ เริ่มจากเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ได้มีพยานปากเอกรายหนึ่งมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง หลังจากเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดตามสื่อต่างๆ โดยยืนยันว่าผู้ก่อเหตุทั้ง 2 รายคือนายสุรินทร์กับนายสุรศักดิ์ และทั้ง 2 เป็นเอเย่นต์ขายยาเสพติดที่พยานรู้จักดี หลังทราบว่า 1 ใน 2 เหยื่อเสียชีวิต ผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้หลบหนีออกจาก จ.ภูเก็ต ในคืนวันที่ 21 มิ.ย. และสาเหตุที่พยานมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันหนักแต่ไร้ซึ่งข้อมูลหลักฐาน อีกทั้งเห็นว่าคดีนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยจึงตัดสินใจเดินทางมาพบตำรวจ หลังทราบดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปขอดูกล้องวงจรปิดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่พยานระบุว่าคนร้ายทั้ง  2 ไปนั่งกินข้าวก่อนไปก่อเหตุปรากฏว่าพบคนร้ายทั้ง 2 อย่างชัดเจนจึงเป็นหลักฐานสำคัญนำไปสู่การจับกุมในที่สุด

ขณะที่  พล.ต.อ.เพรียวพันธ์  ดามาพงศ์  ผบ.ตร. กล่าวว่า ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุ มีเพียง 2 คนเท่านั้น ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติ พบเคยถูกจับกุมในคดียาเสพติด ทั้งนี้จะเรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้องในกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยว เพื่อกำชับการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ภายหลังเกิดเหตุอาชญากรรมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา

ด้านนายภูริต มาศวงศา อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงคดีทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียจนเสียชีวิตและบาดเจ็บรายนี้ว่า นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียที่ประสบเหตุครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วไปที่เดินทางมาพักผ่อนเท่านั้น แต่เป็นตัวแทนบริษัทนำเที่ยวยักษ์ใหญ่จากเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลียและเป็นลูกค้ารายใหญ่ของประเทศไทยที่ส่งเจ้าหน้าที่จาก 10 สาขา มาสำรวจแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พังงา และกระบี่ แต่กลับมาเกิดเหตุร้ายที่ไม่น่าเกิดขึ้นเสียก่อน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และภาพพจน์การท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตและประเทศไทยอย่างแน่นอน

“ขณะนี้สื่อต่างประเทศจากทั่วโลกลงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกคนพูดถึงเรื่องความปลอดภัยกรณีถ้าจะเดินทางมาท่องเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต ว่า ปลอดภัยเพียงใด ซึ่งหลายๆประเทศเริ่มมองในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันแหล่งท่องเที่ยวของเพื่อนบ้านมีความปลอดภัยมากกว่าบ้านเรา จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่จะทำให้ภาพลักษณ์ภาพพจน์ของเมืองท่องเที่ยวอย่างเกาะภูเก็ตต้องเสียหายครั้งแล้วครั้งเล่า”

ส่วน พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภ.8 กล่าวถึงมาตรการในการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศว่า เรื่องนี้ได้มีการกำชับมาตรการในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวแล้ว เรื่องการดูแลความปลอดภัยนั้นได้ให้ความสำคัญมาโดยตลอด และนายกรัฐมนตรีเองได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก และถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการที่จะบูรณาการหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อกล้องซีซีทีวี เพื่อติดตั้งตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆโดยจะต้องเป็นกล้องที่มีความเหมาะสมและมีคุณภาพที่ดีที่จะสามารถนำภาพกลับมาประกอบในการค้นหาติดตามจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุได้

...