เก็บข้อมูลคดีทุจริตจัดซื้ออาชีวะ
ศึกล้างแค้นเอาคืนระเบิดในกระทรวงศึกษาธิการ เจ้าหน้าที่สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการและเจ้าหน้าที่สำนักงานรัฐมนตรี ยกพลบุกรื้อโต๊ะทำงาน “ประแสง” อดีตที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ อ้าง “นายสั่ง” ใช้ทำเป็นห้องรับรองแขกของ “สุชาติ” ซิวเครื่องซีพียูที่ใช้เก็บข้อมูลทุจริตคอรัปชันแต่ยกไปไม่สำเร็จ เพราะนักข่าวเห็นเสียก่อน “ประแสง” สลดใจพฤติกรรม ห่วงข้าราชการประจำที่เคยร่วมทำงานด้วยถูกคุกคาม ด้าน “สุชาติ” ปฏิเสธไม่มีเอี่ยวเรื่องนี้ ชี้การจัดซื้อจัดจ้างในกระทรวงศึกษาธิการที่ส่อเค้าทุจริต ใครทำกรรมไว้ย่อมได้รับกรรมเอง ปัดไม่เคยเออออห่อหมกกับประแสงทุกเรื่อง ขณะที่ “ศักดา” โวยทำเช่นนี้ถือว่าไม่ให้เกียรติ เตรียมสืบสวนสอบหาต้นสายปลายเหตุหลังกลับจากต่างประเทศ
กระทรวงศึกษาธิการป่วน เมื่อเกิดศึกล้างแค้นเอาคืน ทั้งนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 มิ.ย. ขณะที่คณะทำงานของนายศักดา คงเพชร รมช.ศึกษาธิการ กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานของนายประแสง มงคลศิริ อดีตที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ อยู่ชั้น 2 ของอาคารราชวัลลภ ในกระทรวงศึกษาธิการ ได้มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กว่า 10 คน เข้าไปในห้องทำงานของนายประแสง แยกย้ายกระจายกันเก็บข้าวของภายในห้องดังกล่าว ทั้งที่ยังมีเอกสารสำคัญ ที่นายประแสงได้ไปติดตามตรวจสอบการทุจริตคอรัปชันโครงการต่างๆ ในกระทรวงวางอยู่บนโต๊ะทำงาน พร้อมคอมพิวเตอร์ที่ใช้พิมพ์เก็บข้อมูล โดยเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นอ้างว่ามีผู้ใหญ่สั่งให้มาเก็บห้องดังกล่าวด่วน เพื่อจัดเป็นห้องรับรองแขกของ รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นั่งทำงานอยู่ได้ขอเวลาเพื่อติดต่อนายประแสงให้มาเก็บเอกสารและข้อมูลต่างๆภายในคอมพิวเตอร์ ภายใน 2 ชั่วโมง แต่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่ยอมและดำเนินการเก็บข้าวของต่อไป
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวได้มีการแบ่งทีมกันไปเคลื่อนย้ายโต๊ะของคณะทำงาน และเอกสารต่างๆบนโต๊ะทำงานของนายประแสง พร้อมทั้งเข้าไปถอดสายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และพยายามจะนำเครื่องซีพียู ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของนายประแสงไปให้ได้ แต่บังเอิญมีกลุ่มผู้สื่อข่าวที่ทราบเรื่องเข้ามาในห้องและสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่พากันวางเครื่องซีพียูลงกับพื้น แต่ก็ยังยกจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของนายประแสงติดมือไปด้วย โดยอ้างว่าจะนำไปเก็บไว้ที่สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรี ขณะเดียวกัน มีการจัดแบ่งเจ้าหน้าที่ผู้ชายจากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการจำนวนหนึ่งไปยกเอาชุดโซฟาจากนอกห้อง เข้ามาจัดวางภายในห้องทำงานดังกล่าวทันที โดยใช้ระยะเวลาในการดำเนินการประมาณ 20 นาที ก่อนจะแยกย้ายกันกลับออกจากห้องไปทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับห้องทำงานห้องดังกล่าวเดิมถูกใช้เป็นห้องทำงานของนายประแสง และคณะทำงาน แต่หลังจากที่นายประแสงลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ นายศักดาได้ใช้เป็นห้องทำงานของคณะทำงาน ซึ่งคณะทำงานส่วนใหญ่ก็เป็นทีมงานของนายประแสง ที่ทำงานตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องทุจริตคอรัปชัน รวมไปถึงการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษาที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ด้วย
ด้านนายประแสงให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ไม่อยากมองโลกในแง่ร้ายกับการกระทำที่เกิดขึ้น โดยอำนาจเจ้าของพื้นที่สามารถสั่งรื้อได้ แต่ข้าวของทุกอย่างเป็นของราชการ ส่วนข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับการทุจริตต่างๆ ที่มีผลต่อคดีความ ตนได้ถ่ายสำเนาไว้หมดแล้ว เพียงแต่ข้อมูลดังกล่าวยังคงอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เคยใช้ทำงาน เพราะตั้งใจว่าหากคณะทำงานชุดใหม่ของ รมช.ศึกษาธิการ เข้ามาทำงานก็จะได้สานต่อ ขณะนี้ตนคงไม่ใช่เป้าหมาย แต่ที่เป็นห่วงคือข้าราชการประจำที่ทำงานร่วมกับตน จะถูกคุกคาม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในกระบวนการทำงานทางราชการแล้ว แต่คดีความก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ตนพร้อมที่จะไปเป็นพยานในทุกขั้นตอนโดยจะไม่ทิ้งเรื่องนี้เด็ดขาด ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เสียภาษีจะต้องเดินหน้าไปให้ถึงที่สุด
วันเดียวกัน นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเก็บข้าวเก็บของภายในห้องของนายประแสง และไม่ได้เป็นผู้สั่งการใดๆทั้งสิ้น จึงไม่อยากให้นายประแสงเข้าใจผิด เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก ตนมีหน้าที่บริหารประเทศ ไม่ได้บริหารแค่ห้องห้องเดียว กรณีการจัดซื้อจัดจ้างในกระทรวงศึกษาธิการ ที่ส่อเค้าทุจริต ก็เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายร้องเรียนและทุกคนก็ควรมีโอกาสได้ชี้แจง
“ใครก็ตามที่ทำกรรมใดไว้ ก็ต้องรับกรรมในวันหนึ่ง ผมจะไม่อุ้มบาปให้ใคร เมื่อมีการร้องเรียนต่อคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผมก็ส่งเสริมให้ฟ้องร้อง เพื่อให้กระทรวงศึกษาธิการใสสะอาด ขณะเดียวกัน ก็สนับสนุนให้ผู้ถูกกล่าวหาออกมาปกป้องสิทธิของตัวเองด้วย แต่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผลการสอบสวนใดๆทั้งสิ้น” นายสุชาติกล่าวและว่า กรณีนายประแสง ตนเป็นคนแต่งตั้งเอง เพราะเป็นผู้มีอุดมการณ์ แต่หลายเรื่องที่นายประแสงทำ ก็ไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมด เช่น การนำสุนัขตำรวจเข้าไปตรวจหาสารเสพติดใน ร.ร.สตรีวิทยา ตนทราบภายหลังก็ไม่เห็นด้วย เพราะเป็น ร.ร.สตรีล้วน ที่มีชื่อเสียง ตนก็ต้องโทรศัพท์ไปขอโทษผู้อำนวยการ ร.ร.สตรีวิทยา และเรื่องของนายประแสงนั้น ก็ไม่ขอพูดอะไร
ขณะที่นายศักดาให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ระหว่างเดินทางไปราชการต่างประเทศ ว่า เพิ่งเดินทางมาถึงประเทศเยอรมนี ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวจากทางกรุงเทพฯ รู้สึกไม่สบายใจ การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจมาก ถือว่าไม่ให้เกียรติตน เพราะบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ของ รมช.ศึกษาธิการ มีป้ายระบุไว้ชัดเจนว่า ห้องคณะทำงาน รมช.ศึกษาธิการ ที่ผ่านมานายประแสงมาขอใช้ เหตุการณ์นี้ถือเป็นการ บุกรุก ขณะที่ตนไม่อยู่ มาราชการต่างประเทศ การทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องใช้ไม่ได้ เรื่องนี้ถ้าผู้ใหญ่จะบอกว่าไม่รู้เรื่อง หรือปฏิเสธว่า ไม่รู้ว่ามีเจ้าหน้าที่เข้ามาเก็บข้าวของในห้องนายประแสง ก็คงเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก เรื่องนี้ต้องขอกลับมาดูรายละเอียด และอาจต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนให้ชัดเจน
...