รมช.ยันได้ข้อมูลเลขากอศ.สั่งสอบให้ระงับเบิก-จ่าย

เลขาธิการอาชีวะตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวะแพงมหาโหด พร้อมสั่งชะลอจ่ายเงินเอกชนจนกว่าจะได้ผลสรุป ข้องใจหากราคาสูงไม่เหมาะสมทำไมสำนักงบฯอนุมัติเงิน โอดลงนามจัดซื้อเพราะทุกอย่างชงไว้หมดแล้ว รมช.ศึกษาฯ แฉซ้ำได้รับข้อมูลสถานศึกษาบางแห่งไม่ได้เปิดสอนในบางหลักสูตร แต่ สอศ. จัดสรรครุภัณฑ์ลงไปให้ด้วย ลั่นหากอยู่ในขอบเขตอำนาจพร้อมลงนามยกเลิกสัญญาหากทำให้รัฐเสียหาย

สืบเนื่องจากที่มีกลุ่มผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา  (สอศ.) ออกมาเปิดเผยถึงความไม่ชอบมาพากลการจัดซื้อครุภัณฑ์ของ  สอศ.ในโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 : ไทยเข้มแข็ง 2554 รวมมูลค่า 884,415,800 บาท  ซึ่งครุภัณฑ์แต่ละรายการมีตัวเลขที่สูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น  บางรายการมีราคามหาโหดเกินกว่าท้องตลาด  300  เปอร์เซ็นต์  และได้มีการเรียกร้องให้นายสุชาติ  ธาดาธำรงเวช  รมว.ศึกษาธิการ  ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างในครั้งนี้นั้น

เมื่อวันที่  23  มี.ค. นายชัยพฤกษ์  เสรีรักษ์  เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา  (กอศ.)  เปิดเผยว่า  เท่าที่มีการตรวจสอบการจัดซื้อครุภัณฑ์ดังกล่าวเป็นการจัดซื้อตามโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 : ไทยเข้มแข็ง 2554 รวมมูลค่า 884,415,800 บาท ซึ่งตนได้ลงนามจัดซื้อเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.2554 ที่ผ่านมา  เนื่องจากเป็นโครงการที่ผ่านขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณ  และผ่านการประมูลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์มาแล้วในสมัย  น.ส.ศศิธารา  พิชัยชาญณรงค์  ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งช่วงเวลานั้นยังเป็นเลขาธิการ กอศ. อยู่ ขณะเดียวกัน ก็ได้มีการผ่านการพิจารณาของนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ มาแล้วเช่นกัน  ทั้งยังไม่ได้มีเรื่องร้องเรียนใดๆ เข้ามาถึงตนว่าการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวไม่ชอบมาพากล  ดังนั้นตนจึงต้องลงนามในการจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้ในที่สุด เพราะหากไม่ดำเนินการก็อาจจะถูกบริษัทที่ประมูลได้ฟ้องร้องฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้

เลขาธิการ กอศ. กล่าวอีกว่า เพื่อให้เรื่องนี้เกิดความกระจ่าง ภายในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ตนจะลงนามตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้น เพื่อลงไปตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวอย่างละเอียด รอบคอบ โดยจะมีทั้งผู้ที่ชำนาญการรู้ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง  รวมไปถึงผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกที่เป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่มีความรู้เกี่ยวกับครุภัณฑ์ที่  สอศ.จัดซื้อในครั้งนี้ด้วย  ส่วนขอบข่ายการสอบสวนเริ่มตั้งแต่การกำหนดคุณสมบัติของครุภัณฑ์การประมูล การเซ็นสัญญา การจัดส่งสินค้า และการตรวจรับสินค้า  นอกจากนี้ได้สั่งให้ชะลอการเบิกจ่ายเงินให้กับบริษัทต่างๆที่ทำสัญญาซื้อขายกับ  สอศ. ไว้ก่อนจนกว่าผลการสอบสวนจะแล้วเสร็จ  หากตรวจพบจุดใดที่ภาคเอกชนรายใด  หรือข้าราชการคนไหนทำให้รัฐเกิดความเสียหายก็ต้องรับผิดชอบ  หรือแม้แต่การยกเลิกสัญญาในที่สุด

“ผมแปลกใจอยู่ว่าถ้าราคาแพง  ปกติสำนักงบประมาณจะไม่อนุมัติงบฯในการจัดซื้อจัดจ้างให้ จะต้องตัด  หรือปรับลดจนได้ราคาเหมาะสม  แต่ครั้งนี้ผ่านมาให้  ดังนั้น จึงต้องรอผลการสอบสวนก่อน อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณสื่อที่ช่วยนำเสนอในเรื่องนี้ เพราะอย่างน้อยก็ถือเป็นบทเรียนที่ดี และเป็นการนำเสนอข้อสังเกตให้  สอศ.มีความระมัดระวังในการดำเนินการมากขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจรับครุภัณฑ์ในครั้งนี้ ถ้ากรรมการตรวจรับตรวจไม่ดีทำให้รัฐเสียหายก็อาจจะได้รับความเดือดร้อนได้  ดังนั้น จึงขอกำชับให้ทุกคนดูให้รอบคอบ” นายชัยพฤกษ์กล่าว

ด้านนายศักดา คงเพชร รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า  หากมีเรื่องเกิดขึ้นจริงตามที่มีการนำเสนอผ่านสื่อก็คงเป็นเรื่องที่แย่มาก  และที่ผ่านมาได้มีการมอบนโยบายกำชับมาโดยตลอดว่าการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ใดๆก็ตามต้องจัดซื้อตามความต้องการของผู้เรียนและวิทยาลัย  ทั้งต้องทำทุกขั้นตอนให้เกิดความโปร่งใส  ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ได้รับข้อมูลมาว่าสถานศึกษาสังกัด  สอศ.หลายแห่งได้ครุภัณฑ์ไม่ตรงกับความต้องการ บางแห่งไม่ได้เปิดสอนในหลักสูตรนั้นๆ  แต่กลับได้รับการจัดสรรครุภัณฑ์มาให้จนไม่รู้จะเอาไปใช้ประโยชน์อะไร  ซึ่งคงต้องมีการยกเครื่องเรื่องต่างๆเหล่านี้ใหม่ทั้งหมด  ส่วนการสอบสวนระบุว่าใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิดไม่มีช่วยเหลือกัน  อย่างไรก็ตาม ตนจะไปดูว่าขอบข่ายอำนาจในกรณีที่รัฐได้รับความเสียหายตนสามารถที่จะยกเลิกสัญญาได้หรือไม่  หากทำได้ก็คงทำ

นายประแสง มงคลศิริ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ซึ่งกำกับดูแลงานปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในหน่วยงานสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ในฐานะที่กำกับดูแลงานปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบในหน่วยงานสังกัด ศธ. จะมีการตั้ง คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละชุดกับที่ สอศ.แต่งตั้ง โดยจะมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกตรวจสอบคู่ขนานกันไป พร้อมทั้งติดตามการทำงานของ สอศ. ในเรื่องดังกล่าวนี้ด้วย โดยวางกรอบเวลาในการดำเนินการตรวจสอบไว้ 30 วัน หากสรุปผลว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องจนทำให้รัฐเกิดความเสียหายก็ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยทันที ไม่ว่าตำแหน่งไหนก็ไม่มีวันละเว้น

ต่อมาเย็นวันเดียวกัน นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการ กอศ. ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ได้ลงนามในคำสั่ง สอศ.ที่ 595/2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง กรณีความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อครุภัณฑ์ของ สอศ.แล้ว โดยมีนายกิจ- สุวัฒน์ หงส์เจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ส่วนที่เกรงกันว่าเรื่องนี้จะเป็นมวยล้มนั้น คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นนอกจากจะสืบหาข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวแล้ว ตนยังให้ตรวจสอบที่มีการจัดซื้อทั้ง 13 เรื่อง ซึ่งยืนยันว่าหากผลการสืบข้อเท็จจริงระบุว่า มีการกระทำผิดจริง ตนจะไม่ยอมให้เป็นมวยล้มแน่นอน

...