ความรักจนหลงของเจ้าหญิงแห่งนังนัง ถึงขนาดยอมทำให้อาณาจักรต้องล่มสลาย.

สวัสดีวันแห่งความรักค่ะ

ในเทศกาลวันวาเลนไทน์ อันเป็นวันที่ระลึกถึงนักบุญวาเลนไทน์ ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก จนกลายมาเป็นวันแห่งความรักนี้ ไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียล โดยทีมงานต่วย’ตูนขอนำเรื่องราวของความรักมานำเสนอท่านผู้อ่านค่ะ


อิรอส กามเทพของกรีก ซึ่งตัวเองและคู่รักก็เคยโดนพิษรักเล่นงานจนย่ำแย่.

โดยทั่วไปแล้ว เป็นที่รู้กันว่า ความรักเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่จรรโลงโลกเราให้น่าอยู่ หากปราศจากซึ่งความรัก โลกนี้ก็คงจะเต็มไปด้วยความหดหู่ เศร้าหมอง ดังนั้น รักกันไว้เถอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบไหน ก็ดีทั้งนั้น ทั้งความรักแบบหนุ่มสาว ความรักที่มีต่อคนในครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมโลก ประเทศชาติ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ยุคโบราณในปกรณัมกรีกมาแล้ว ที่ปราชญ์ ทั้งหลายเล็งเห็นว่า แม้ความรักจะเป็นสิ่งที่ดี แต่หากรักมากไป หรือรักจนหลง ก็อาจจะทำให้เกิดผลเสียได้ในที่สุด ดังนั้น ในช่วงยุคต้นๆของอารยธรรมกรีกนั้น อิรอส เทพแห่งความรัก ที่ในระยะหลังรู้จักกันดีในนามของคิวปิด หรือกามเทพ เป็นเทพที่มักจะเสด็จโดยมีผ้าปิดตามาด้วย เพราะเชื่อกันว่า ความรักทำให้คนตาบอด

อันว่ารักจนหลง ถึงขั้นตาบอดขนาดหนักนั้น ในตำนานกรีกต้องยกให้เจ้าหญิงซิลลาแห่งเมการาค่ะ นางเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์ไนซัส กษัตริย์พระองค์นี้มีลักษณะพิเศษที่โดดเด่นทีเดียวค่ะ เรียกได้ว่า หากทรงพระดำเนินมา ทุกคนก็คงจะเห็นกันแต่ไกล เพราะว่าพระองค์มีเกศาสีม่วงเด่นอยู่ปอยหนึ่ง ซึ่งถูกทำนายว่า ตราบใดก็ตามที่พระเกศาสีแปร๋นนี้ยังคงอยู่บนเศียร ราชอาณาจักรของพระองค์ก็จะยังคงอยู่ดี ไม่มีศัตรูที่ไหนจะมาทำลายได้ ดังนั้น แม้จอมกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อีกพระองค์หนึ่งคือ ไมนอสแห่งครีต จะยกทัพมาล้อมเมการาไว้ กษัตริย์ผู้มีปอยเกศาสีม่วงก็ไม่วิตก

...

แต่จะว่าเป็นเคราะห์กรรมก็อาจจะได้ หรือจะให้บ่งชี้ชัดลงไปก็คือ เป็นความลุ่มหลงจากความรักที่ทำให้ตาบอด เมื่อเจ้าหญิงซิลลาแอบมองออกจากกำแพงเมืองมา เห็นจอมทัพที่มาล้อมเมืองเข้า ก็เกิดศรรักปักอก หลงรักกษัตริย์ไมนอสอย่างหัวปักหัวปํา เกิดเป็นความลุ่มหลงและความ ปรารถนาอย่างแรงกล้า ใคร่จะได้รับรักตอบ และนึกไปนึกมา ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพื่อสานสัมพันธ์ กับไมนอสได้ค่ะ นอกเสียจากจะทำให้ชายที่นางหลงรักสมหวัง และนั่นก็คือ การบุกยึดเมการา บ้านเกิดเมืองนอนของพระนางได้สำเร็จ


ซิลลาแอบตัดเกศาของพระบิดา.

ว่าแล้ว เจ้าหญิงซิลลาก็กระทำการที่เรียกว่าตาบอดอย่างสุดแสนทีเดียวค่ะ ด้วยการแอบย่องไปตัดพระเกศาปอยม่วงของพระบิดาในขณะบรรทมไปให้ศัตรู ทำให้ในที่สุดกษัตริย์ไมนอส สามารถตีเมการาแตกได้ดั่งประสงค์ แต่ความเลวร้ายที่ซิลลาทำ ก็ไม่ได้ส่งผลให้รักของพระนางสมหวังหรอกค่ะ เพราะกษัตริย์ไมนอสรังเกียจในการกระทำอันเลวร้ายของนาง จนผลักไสให้ไปพ้นๆพระพักตร์ สุดท้าย เจ้าหญิงซิลลาผู้ล่มเมืองด้วยความรักก็เกิดคลุ้มคลั่ง พยายามจะว่ายน้ำตามเรือของกษัตริย์ไมนอสผู้กำลังจะจากไปให้ได้ แต่ด้วยอำนาจของเทพ นางได้กลายร่างเป็นนกที่ไม่อาจตามหาความรักได้ตลอดไป

เจอเรื่องแบบนี้แล้วก็ทำให้เห็นได้ว่า ความรักนั้นมีสองด้านนะคะ คนเราสามารถทำได้ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายเพียงเพื่อความรัก ซึ่งไม่มีเหตุผล และตำนานในทำนองเดียวกันนี้ ก็มีในย่านเอเชียของเราด้วยเหมือนกันค่ะ คราวนี้ขอพาท่านผู้อ่านข้ามน้ำข้ามทะเลจากยุโรปมายังประเทศใกล้ๆ และกำลังเป็นประเทศที่ส่งกระแสวัฒนธรรมไปทั่วโลก นั่นคือ เกาหลี

ตำนานพื้นบ้านของเกาหลี เล่าเรื่องที่คล้ายคลึงกับเจ้าหญิงซิลลามากทีเดียวค่ะ คือเรื่องของเจ้าหญิงแห่งนังนัง


เจ้าหญิงซิลลาตกหลุมรักไมนอสทันทีที่แรกเห็น.

ตำนานนี้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์เกาหลี ซึ่งในยุคโบราณมีอาณาจักรเล็กน้อยหลายอาณาจักร โดยมีอาณาจักรใหญ่ คือโคคูเรียว (หรือโกคูรยอ ในสำเนียงเกาหลี) ซึ่งในตอนนั้นกษัตริย์แดมูซินแห่งโคคูเรียว มีพระ โอรสคือเจ้าชายโฮดง วันหนึ่งตอนที่เจ้าชายโฮดงเสด็จประพาสยังเมืองนังนังก็ได้พบกับกษัตริย์แห่งนังนัง ที่เมื่อได้เจอเจ้าชายก็ถูกชะตา และยกพระธิดาให้เสกสมรสกับเจ้าชาย ซึ่งหลังจากได้เจอเจ้าหญิง ทั้งสองก็ตกหลุมรักกันอย่างลึกซึ้ง

อันว่าเมืองนังนังนี้ มีของวิเศษประจำเมืองอยู่อย่างหนึ่งค่ะ คือกลองที่ชื่อ "จามองโกะ" (จาม-ยองโก) กลองนี้มีความวิเศษตรงที่จะลั่นกลองเสียงดังสนั่นได้เองหากมีศัตรูมารุกราน ทำให้เมืองนังนังแคล้วคลาดจากข้าศึกเสมอมา เพราะสามารถเตรียมพร้อมรบได้ตลอดเวลา ดังนั้น แม้ยุคนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่มีการตีเมืองขึ้นเพื่อรวบรวมอาณาจักรกันยกใหญ่ แต่เมืองเล็กอย่างนังนังก็ไม่เคยต้องหวาดหวั่น เพราะตราบใดที่มีกลองวิเศษจามองโกะอยู่ ก็ไม่มีวันที่นังนังจะพ่ายแพ้

ที่ผ่านมา กษัตริย์แดมูซินแห่งโคคูเรียวมีพระประสงค์ที่จะตีนังนังให้ได้ แต่ก็ตีไม่แตกสักที แต่เมื่อได้รู้เรื่องกลองวิเศษ ประกอบกับได้ข่าวการเสกสมรสระหว่างพระโอรสกับเจ้าหญิงแห่งนังนัง พระองค์ก็เกิด "ปิ๊ง" ขึ้นมาค่ะ มองเห็นหนทางที่จะพิชิตนังนังขึ้นมาได้ทันที ว่าแล้วพระองค์ก็มีพระบัญชาให้พระโอรสได้ดำเนินการ ไปร้องขอให้พระชายาให้ช่วยทำลายกลองวิเศษของคู่บ้านคู่เมือง มิฉะนั้น พระองค์จะไม่ยอมเป็นพระสวามีอีกต่อไป

เจออย่างนี้เข้า เจ้าหญิงผู้เห็นแก่ความรักเป็นสรณะ ก็ตัดสินพระทัยทำในสิ่งที่เหมือนคนตาบอด ด้วยการเสด็จขึ้นหอสรรพาวุธ ทำลายกลองจามองโกะ ทำให้กองทัพโคคูเรียวตีนังนังได้อย่างรวดเร็ว และก่อนที่จะถูกยึดเมืองได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด กษัตริย์แห่งนังนังอยากจะรู้ว่าใครหนอเป็นคนทรยศชาติ จึงเร่งเสด็จขึ้นไปดูกลองวิเศษ แล้วก็ได้พบมีดของพระธิดาตกอยู่ ทำให้เสียพระทัยเป็นอย่างมาก ที่ลูกในไส้กลายเป็นไส้ศึก ว่าแล้ว พระองค์ก็มีรับสั่งให้ประหารพระธิดา ก่อนจะประกาศยอมแพ้อย่างเป็นทางการ ให้โคคูเรียวยึดนังนังไปตามชะตากรรมที่ถูกลิขิตมาแล้วว่า นังนังจะไม่สามารถคงเอกราชได้หากไม่มีจามองโกะ

...


ซิลลานำปอยเกศาไปถวายไมนอส.

ย้อนไปที่เจ้าชายโฮดง เมื่อได้ข่าวว่านังนังถูกตีแตกสมพระทัยพระบิดา ก็คาดหวังว่าจะได้พระชายามาครองคู่ แต่ก็ได้รับข่าวร้ายตามมาว่า เจ้าหญิงถูกประหารไปเสียแล้ว เจ้าชายโฮดงจึงเสียพระทัยมาก ได้แต่ประทับอยู่อย่างตรอมตรม และต่อมา เมื่อพระราชินีซึ่งเป็นพระมารดาเลี้ยงไปเพ็ดทูลกษัตริย์แดมูซินว่า เจ้าชายมาเกี้ยวพาราสีพระนาง จอมกษัตริย์ก็เกิดข้องใจในตัวพระโอรส ซึ่งเมื่อเจ้าชายได้ข่าวก็ยิ่งเสียพระทัยซ้ำซ้อน จึงคิดสั้นสังหารพระองค์เองตามพระชายาอันเป็นที่รักไป กลายเป็นโศกนาฏกรรมเก่าแก่ของเกาหลีที่เล่าขานกันมานานแสนนาน ถึงความรัก ความลุ่มหลง จนล่มชาติ

อันว่าเรื่องกลองจามองโกะนี้ มีผู้สงสัยกันมากว่า เกี่ยวข้องอะไรกับละครของเกาหลีใต้ เรื่อง Princess Ja-Myung-จามอง ยอดหญิงผู้ พิทักษ์แผ่นดิน ที่กำลังโด่งดังอยู่ในบ้านเรา ก็ต้องขออรรถาธิบายว่า เป็นเรื่องเดียวกันค่ะ แต่ผู้สร้างละครได้ดัดแปลงให้เกิดเนื้อเรื่องที่เข้มข้นขึ้น

แต่ที่แน่ๆก็คือ แม้ความรักจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลก แต่รักที่ขาดสติ รักที่ทำให้ ตาบอด ก็ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายจนล่มชาติ ล้มมาตุภูมิได้ ดังนั้น ทุกท่านที่มีรัก ก็ควรจะรักด้วยสติ อย่าปล่อยให้ความรักบังตา ไม่ว่าจะเป็นรักแบบหนุ่มสาว รักพวกพ้อง รักสถาบัน รักประเทศชาติ ฯลฯ หากเป็นรักที่สร้างสรรค์ ก็จะเกิดประโยชน์ และหล่อเลี้ยงหัวใจให้ชุ่มชื่นตลอดไปได้แน่นอนค่ะ.

ทีมงาน ต่วย’ตูน