เรียกว่าแรงไม่หยุด ฉุดไม่อยู่จริงๆ สำหรับละคร “สูตรเสน่หา” ที่นอกจากจะได้นักแสดงชั้นนำ อย่างเคน ธีรเดช และ แอน ทองประสม มาประคบคู่กันอีกครั้งแล้ว เนื้อเรื่องที่แปลกใหม่ หลุดกรอบคำว่าน้ำเน่า หรือถ้าจะเน่า ก็เน่าแบบมีระดับ มีเหตุผล จึงไม่แปลกที่จะทำให้ละครเรื่องนี้ โด่งดังในชั่วข้ามคืน จุดกระแส “ครูกุ๊กฟีเวอร์” สร้างแรงบันดาลใจให้สาวๆ หลายคนอยากจะหันหน้าเข้าครัว จับตะหลิว เข้าคอร์สเรียนทำอาหารเพื่อหวังจะเจอคู่เหมือนครูกุ๊กกันบ้าง
มาดูกันดีกว่าว่า สำหรับบุคคลที่อยู่ในแวดวงอาหารการกินเขารู้สึกอย่างไรกันบ้างกับกระแสละครเรื่องนี้ รวมทั้งมุมมองของคนที่ประกอบอาชีพ “กุ๊ก” ว่าต้องอาศัยองค์ประกอบใดบ้าง
เชฟวัยกลางคนท่านแรกที่จะพามารู้จักในวันนี้ เป็นเชฟคนไทยแท้แต่เพราะไปโลดแล่นอยู่ที่ต่างบ้านต่างเมืองนานหลายสิบปี ปัจจุบันเชฟจึงกลายเป็นพลเมืองของอังกฤษไปแล้ว เขา คือ เชฟบ็อบ เลิศนิบูนะ ปัจจุบันประจำอยู่ที่ร้านเมซองชิน รร.บันดารา ศาลาแดง ซ.1
จุดประกายฝันวัยเยาว์
เชฟเล่าฟังถึงจุดเริ่มต้นของเส้นทางอาชีพว่า ต้องยกความดีให้คุณย่า และคุณยาย เพราะสมัยที่เชฟยังเป็นเด็กๆ นั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน ไม่มีเวลาที่จะเลี้ยงลูก 4 คน จึงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของคุณย่าคุณยายในการเลี้ยงดู ซึ่งในช่วงที่เชฟไปอยู่กับคุณยายนั้น เวลานึกอยากทานอะไรก็จะบอกคุณยาย คุรยายก็จะพาเชฟไปที่ตลาดเพื่อไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหาร จากนั้นก็มาทำทีละขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ จนกระทั่งปรุงสำเร็จออกมา แต่พอมาอยู่กับคุณย่า ซึ่งท่านเปิดร้านอาหารตามสั่ง ทำให้เราได้ซึมซับเรื่องการทำอาหารมากขึ้นไปอีก
“จากจุดนั้นเองก็เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นให้เราเริ่มชอบ และรักการทำอาหาร ต่อมาพอโตขึ้นที่บ้านเริ่มแบ่งหน้าที่กัน ในหมู่พี่น้องเราก็เสนอเลยว่าจะดูแลเรื่องอาหารให้ เพราะเราชอบ และมีใจรัก”
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ
เชฟเล่าต่ออีกว่า จุดเปลี่ยนที่สำคัญในชีวิตคงเป็นตอนที่เรียนจบปลาย แล้วเราต้องเลือกว่าจะเรียนด้านไหนต่อดี กระทั่งตัดสินใจเลือกเรียนด้านการโรงแรม เพราะเรียนจบที่บ้านก็ส่งไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย ตอนแรกตั้งใจว่าจะอยู่แค่ 2-3 ปี แต่เอาเขาจริงก็อยู่เป็น 10 ปี หาประสบการณ์เรียนรู้นวัตกรรมใหม่ๆ ที่นั่น จนต่อมาก็ไปเป็นเชฟอยู่ที่สกอตแลนด์ 2 ปี ก่อนจะมีโอกาสไปร่วมงานกับ Ken Hom ที่ลอนดอน 8 ปี
คติประจำใจคือการให้
เพราะเคยถูกกีดกันจากเชฟรุ่นพี่ที่บางคนอาจหัวสมัยเก่า หวงวิชา ทำให้เชฟบ็อบตั้งปณิธานว่า วันหนึ่งจะไม่ทำแบบนั้น และยินดีจะเป็นผู้ให้ เพราะเชื่อว่าความรู้เป็นสิ่งที่เรียนรู้ไม่สิ้นสุด ไม่ใช่ว่าทุกคนที่อ่านสูตรหรือตำราอาหารแล้วจะทำได้อร่อยเหมือนเชฟโรงแรม หากต้องอาศัยประสบการณ์และการฝึกฝน ด้วยเหตุนี้เชฟจึงไม่เคยหวงเคล็บลับหรือเทคนิคการทำครัวกับน้องๆ ในครัวเลย แต่เชฟกลับเลือกที่จะจดบันทึกสูตรอาหารต่างๆที่ทำไว้เพื่อให้คนอื่นๆมาอ่านหรือศึกษาได้ และพร้อมที่จะรับฟังทุกความคิดเห็นที่แตกต่าง
“ผมว่าการที่เราสอนให้คนอื่นเป็นแบบที่เราเป็นหรือที่ต้องการได้ ก็เป็นการทุ่นแรงเราไปในตัว ทำให้เราไม่เหนื่อยด้วย” เชฟบ็อบเล่าอย่างอารมณ์ดี
สูตรเสน่หา
ที่อยู่ในอาชีพนี้มาได้ 20 กว่าปี ต้องบอกว่าทำเพราะใจรัก มีความสุขที่ได้เห็นคนรับประทานอาหารของเรา แล้วบอกว่าอร่อย มีความสุข ที่สำคัญคือมีฟีดแบ็กกลับมาหาเรา ไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือลบ
“ผมชอบคอมเมนต์ด้านลบมากกว่านะ เพราะมันทำให้เราได้ปรับปรุงได้พัฒนา เราต้องจำไว้เสมอว่าเราทำอาหารให้คนอื่นกิน ไม่ได้ทำให้ตัวเองกินแล้วบอกว่าอร่อย ถ้าผมต้องให้คะแนนการทำอาหารของตัวเอง ผมจะให้แค่ 7-8 พอ เพราะผมเลือกที่จะเหลือ 9-10 ไว้สำหรับการปรับปรุงและพัฒนา”
เชฟยังบอกอีกว่า อาชีพกุ๊ก ไม่ได้เป็นแค่คนที่ทำอาหาร แต่ยังเป็นอาชีพที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ในการทำอาหารแต่ละเมนูอยู่เสมอ เพราะเทคโนโลยีก้าวหน้าไปทุกวัน เท่ากับว่ามีอะไรอีกมากมาย เพื่อให้เราได้เรียนรู้ตลอด ส่วนตัวที่มาได้ไกลขนาดนี้ ก็เพราะการยอมรับและพัฒนา ปรับปรุงตัวเองอยู่เสทอ ที่สำคัญ คือ ต้องอดทน และทำด้วยใจรักเป็นหลัก
สำหรับอนาคตของเชฟผู้คว่ำหวอดในวงการอาหารมา 20 ปี คนนี้ บอกว่า วันใดที่อายุมากจนไม่สามารถอยู่ในครัวได้แล้ว ก็อยากที่จะเป็นอาจารย์ เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมา ให้กับคนอื่นต่อไป อย่างทุกวันนี้เชฟก็เป็นอาจารย์ เปิดคุ้กกิ้งคลาสอยู่เหมือนกัน
“ผมจะเน้นการเรียนการสอนที่ตัวผู้เรียนมีความ enjoy ได้เรียนและได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เป็น lifestyle cooking ที่สามารถเอาไปใช้ได้จริง”
ขณะที่อีกหนึ่งเชฟที่เราจะพามารู้จัก แม้จะถนัดทำขนมหรือของหวานมากกว่า แต่ก็เชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งหนุ่มเจ้าเสน่ห์ของสาวๆเช่นกัน สำหรับเชฟทอมมี่ รุ่งนพคุณศรี ที่เตรียมจะเปิดร้านขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นเร็วๆ นี้ เล่าถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้หันมาสนใจการทำขนมว่า เริ่มจากที่เป็นคนชอบทานขนมก่อน จากนั้นก็ชิมมาเรื่อย จนวันหนึ่งเริ่มอยากจะเป็นคนทำเองบ้าง ทำไปทำมา ก็ไปเรียนแบบจริงจังที่เลอ กอร์ดองเบลอ เมื่อ 6-7 เดือนที่แล้ว
ถ้าถามถึงเสน่ห์ของการทำขนม เชฟทอมมี่บอกว่า เป็นอะไรท้าทาย ทำให้เราได้เรียนรู้และสร้างสรรค์ตลอดเวลา และทุกครั้งที่เห็นคนทานขนมเราแล้วบอกว่าอร่อย แค่นั้นเราก็มีความสุขแล้ว
ก่อนจบบทสนทนากับ 2 เชฟอารมณ์ดีในวันนี้ เราเลือกปิดท้ายด้วยคำถามสบายๆ เกี่ยวกับกระแสครูกุ๊ก ที่เปิดไว้ตอนต้น เชฟทอมมี่บอกว่ามีคนทักเหมือนกัน ขณะที่เชฟบ็อบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ พร้อมตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า ปกติเป็นคนที่ไม่ดูละคร เลยยังไม่เห็นว่าหน้าตาของเชฟที่ตัวละครถ่ายทอดออกมาเป็นอย่างไร แต่ก็มีน้องหรือคนที่รู้จักพูดถึงค่อนข้างมาก เพราะอย่างน้อยตัวพระเอกในเรื่องก็ทำอาชีพเดียวกับเรา
ต้องยอมรับเลยว่ากระแสละครเขาแรงจริง...
...