ปั่นๆสู่เมืองปากมอง.

มีโอกาสร่วมทริปไปกับนักปั่นจักรยานเสือภูเขาทั้งไทยและเทศกว่า 70 ชีวิต ใน โครงการเสือภูเขานานาชาติท่องเที่ยวสองแผ่นดิน หรือ Tour of Mekong...



หลวงพระบางมองจากบนพระธาตุภูศรี.

มีโอกาสร่วมทริปไปกับนักปั่นจักรยานเสือภูเขาทั้งไทยและเทศกว่า 70 ชีวิต ใน โครงการเสือภูเขานานาชาติท่องเที่ยวสองแผ่นดิน หรือ Tour of Mekong จัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ฝ่ายกีฬาจักรยาน สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย แบ่งเป็น เส้นทางในประเทศไทย (เชียงราย-โบราณสถานเวียงลอ-ภูลังกา-ภูชี้ฟ้า) และเส้นทางใน สปป.ลาว (เชียงของ-หลวงพระบาง-ปากมอง-อุดมไชย-หลวงน้ำทา-เวียงภูคา-ห้วยทราย) 



วิถีชีวิตชาวเวียงภูคา.


เริ่มต้นการเดินทางจากตัวเมืองเชียงราย มุ่งสู่ บ้านเวียงลอ อ.จุน จ.พะเยา ระยะทาง 82 กม. วันแรกพละกำลังยังเหลือเฟือ ปั่นไปยิ้มไปได้ตลอดทาง ชาวคณะแวะพักยัง โบราณสถานเวียงลอ สถานที่ท่องเที่ยวศึกษาประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการล่องแพชมวิถีชีวิต ทัศนียภาพริมสองฝั่งแม่น้ำอิง อิ่มอร่อยกับอาหารพื้นเมือง และอิ่มอุ่นด้วยพิธีบายศรีสู่ขวัญจากพ่อแก่ แม่เฒ่าชาวเวียงลอ



บรรยากาศการตักบาตรข้าวเหนียว.


เช้าวันรุ่งขึ้น ชาวเสือมุ่งหน้าสู่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงปังค่า อ.ปง จ.พะเยา ระยะทางแค่ 49 กม. แต่เหนื่อยแทบขาดใจ เพราะมีทางขึ้นเขาสูงชันให้วัดกำลังขายาวถึง 5 กม. ตกเย็นปั่นไปชมอาทิตย์อัสดงที่จุดชมวิว วนอุทยานภูลังกา แม้ในวันที่ฟ้าหม่นเมฆฝนปกคลุม แต่แสงสุดท้ายแห่งวันที่นี่ยังคงงดงามไม่แปรเปลี่ยน



หนูน้อยชาวม้งบนยอดภูชี้ฟ้า.


วันต่อมา หลังสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเก็บไว้เต็มปอด คณะนักปั่นเดินทางต่อไปยัง อ.เชียงคำ จ.พะเยา แวะนมัสการพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ วัดพระนั่งดิน และชมความอลังการของวิหารไม้ศิลปะไทยใหญ่ที่ วัดนันตาราม ก่อนไปเล่นน้ำ เติมความสดชื่นที่ น้ำตกภูซาง หรือ น้ำตกอุ่น ที่มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ จากน้ำร้อนและน้ำเย็นไหลมารวมกัน ก่อนไปนอนรอที่ปลายตีนภูชี้ฟ้า อ.เทิง จ.เชียงราย ภายหลังพิชิตเส้นทาง 93 กม.สำเร็จ ในยามค่ำรอบกองไฟอุ่น การได้ ร่วมวงร้องเพลงและพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของชาวเสือ ดูจะเป็นยาขนานเอกช่วยผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี



น้ำตกตาดกวางสี.

แสงดาวไม่ทันลาฟ้า เราตื่นแต่เช้ามืดพาเสือคู่ใจมุ่งขึ้นสู่ภูชี้ฟ้า โชคร้ายธรรมชาติไม่เป็นใจ ยอดภูชี้ฟ้าเช้านี้เลยหม่นสลัวอยู่ในม่านหมอก แต่ก็สวยดีไปอีกแบบ แถมพอมีสายฝนโปรยปรายลงมาชุ่มฉ่ำ ยิ่งกลายเป็นบททดสอบแรงกายแรงใจนักปั่นในวันสุดท้ายก่อนจากเมืองไทย วันนี้ชาวเสือต้องปั่นในระยะทาง 113 กม.กลับเข้าตัวเมืองเชียงราย แล้วขึ้นรถยนต์ต่อไปยังอำเภอเชียงของเพื่อรอข้ามโขง 



ริมน้ำยามเย็นที่เมืองอุดมไชย.


หลังโบกมือลาเชียงของ เรือเมล์ลำใหญ่พานักปั่นและสองล้อคู่ชีพ ล่องไปตามลำน้ำโขงสู่ เมืองห้วยทราย สปป.ลาว แวะพักทักทายพี่น้องลุ่มน้ำเดียวกันพอหายคิดถึง จากนั้นล่องเรือต่อไปยัง เมืองหลวงพระบาง หนึ่งวันเต็ม ที่ร่างกายได้พักเต็มที่ ชาวเสือต่างนอนเหยียดแข้งเหยียดขากันอย่างสบายใจ ก่อนจะไปลุยศึกในเส้นทางที่เหลือ



กำลังใจจากพี่น้องชาวลาว.


เช้าวันแรกที่หลวงพระบาง ได้ร่วมตักบาตรข้าวเหนียวและเยี่ยมชมตลาดเช้า พร้อมเที่ยวชมวัดวาอารามและสถานที่สำคัญๆ ของเมือง อาทิ วัดเชียงทอง วังเจ้ามหาชีวิต ฯลฯ ชาวเสือทั้งหลายได้หยุดพักการปั่นมานั่งเบาะนุ่มๆ ของรถปรับอากาศออกไปนอกเมือง เพื่อชมความงามของ น้ำตกตาด-กวางสี ต่อด้วยการชมเมืองมรดกโลกในมุมสูงบน พระธาตุภูศรี และปิดท้ายวันสบายด้วยการช็อปปิ้งที่ตลาดไนท์บาซาร์ หลวงพระบางวันนี้คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก บ้านเมืองแปรเปลี่ยนไปบ้างตามกาลเวลา แต่ชาวเมืองส่วนใหญ่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ และวิถีชีวิตของตนไว้ได้อย่างเหนียวแน่น  



นักปั่นถึงแขวงหลวงน้ำทา.


ออกจากหลวงพระบาง ระยะทาง 112 กม. สู่ เมืองปากมอง เมืองเล็กๆที่น่ารัก เป็นอีกวันหนึ่งที่ชาวเสือมีความสุข ตลอดเส้นทางเป็นที่ราบสลับเนินเขาเลียบลำน้ำอู แม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลไปบรรจบกับแม่น้ำโขง วันรุ่งขึ้นจากเมืองปากมองสู่ แขวงอุดมไชย แม้จะมีระยะทางแค่ 84 กม. แต่การปั่นขึ้นเขาลงเขาตลอดเส้นทาง ทำเอาเสือน้อยเสือใหญ่หมดเรี่ยวแรงไปตามๆกัน 

จากแขวงอุดมไชยสู่เมืองใหญ่ หลวงน้ำทา มีที่พักแสนสบายรออยู่เป็นรางวัล แต่ต้องฝ่าฟันกับสภาพเส้นทางที่เต็มไปด้วยฝุ่นและหลุมบ่อตลอดเส้นทาง 107 กม. แม้จะมีอุปสรรค แต่ชาวเสือก็ไม่ย่อท้อ เพราะได้แรงใจจากเสียงเชียร์ สู้ สู้ และคำทักทาย "สะบายดี" จากพี่น้องชาวลาวตลอดสองข้างทาง

ก่อนออกเดินทางจากหลวงน้ำทา แวะขึ้นไปชมเมืองและนมัสการ พระธาตุหลวงน้ำทา เอาฤกษ์เอาชัยก่อนปั่นไป เมืองเวียงภูคา ระยะทางสบายๆ 66 กม. ที่นี่จะเป็นค่ำคืนสุดท้ายของทริปนี้ นักปั่นไทย-เทศต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกต่อการเดินทางกว่าสิบวันที่ผ่านมา ก่อนพักผ่อนเตรียมพลังไว้ในเส้น ทางช่วงสุดท้ายจากเวียงภูคาสู่ด่านข้ามโขงที่ เมืองห้วยทราย ที่มีระยะทาง 120 กม. สาหัสเอาการ 

แม้บางช่วงจะยางแตก แหกโค้ง หมดแรงปั่น แต่ตลอดการเดินทางกว่า 800 กม. บนอานจักรยาน จุดหมายของนักปั่นไม่ใช่อยู่ที่ปลายทาง หากแต่เป็นภาพความงดงามจากมิตรภาพและไมตรีจิตของพี่น้องร่วมโลกตามรายทาง ที่จะติดตาตรึงใจชาวเสือไปตราบนิรันดร์   สนใจเข้าร่วมโครงการ สอบถามข้อมูลได้ที่ ฝ่ายกีฬาจักรยาน สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย โทร. 08-1993-6342 และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงราย โทร. 0-5371-7433, 0-5374-4674 รับรองไม่ผิดหวัง.

...