ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวังอีกเช่นเคยสำหรับคอลเล็กชั่นใหม่ของบุลการี ที่ยังคงกลิ่นอายยุค 70’s มาผสานกับความยั่วยวนและความบ้าบิ่นในสไตล์แบบอนาคต เรียกได้ว่าผลงานชุดนี้เป็นการรวมตัวระหว่างแนวคิดใหม่และเก่าอย่างประนีประนอม ทำให้ทุกชิ้นงานส่งต่อความงาม ความพึงพอใจ สำหรับทุกความต้องการและทุกโอกาส
โดยสีหลักที่นำมาชูเป็นนางเอกประจำซีซั่นนี้ คือสีน้ำเงินเข้ม สีไวน์แดงบอร์กโดซ์ สีเขียวเข้มของป่าทึบ ซี่งได้แรงบันดาลใจมาจากภาพสเก็ตช์ของชุดเครื่องประดับแซฟไฟร์ ทับทิม และมรกตในยุค 70’s ผสานสีเทาละมุนและสีน้ำตาลโคลนเข้ามาแทรกเป็นสีพื้นฐาน โครงสร้างของระดับสียังถูกห้อมล้อมด้วยการซ่านเซ็นของสีทองและสีบรอนซ์อันแวววาวพร้อมผนวกโครงสร้างของสีโทนร้อนมาเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบด้วยเช่นกัน
สำหรับกระเป๋ารุ่น Doppio Tondo มีการใช้ห่วงโลหะสลักโลโก้ “บุลการี”วางซ้อนอย่างแยบคาย ห่วงโลหะจะส่องสว่างในโทนสีทองในบริเวณตรงกลางกระเป๋า ด้วยโครงสร้างของกระเป๋าที่ชัดเจนทำให้ Doppio Tondo เป็น It’s Bag ของบุลการีที่ให้ภาพของความงาม ง่าย และร่วมสมัย โดยกระเป๋ารุ่นนี้ได้นำเสนอในสีหลักของคอลเลคชั่น เช่น สีแดง เขียว น้ำเงิน วัสดุที่ใช้มีความหลากหลาย ตั้งแต่หนังควายน้ำอันอ่อนนุ่มไปถึงหนังงูเหลือมที่งดงาม
กระเป๋ารุ่น Leoni ได้ปรับปรุงให้มีความเบาสบาย แต่ยังคงตราโลหะรูปสิงห์แบบโบราณมาประกอบเช่นเดิม แต่ทำให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและวางที่จุดศูนย์กลางของกระเป๋า พร้อมทำเย็บมุมของกระเป๋าให้กลมกลึงเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการใช้งาน กระเป๋า Leoni รุ่นใหม่นี้ใช้สีเทาของหนังแกะและสีดำไม้มะเกลือของหนังลูกวัว รวมทั้งมีการผสมผสานระหว่างสีดำของหนังลูกม้าและหนังนูบัคอย่างกลมกลืน ขณะเดียวกันก็มีการใช้ที่วัสดุที่หลากหลายอย่างหนังจระเข้และหนังงูเหลือมในหลากเฉดสีตั้งแต่ สีดำเงา สีไวน์แดงบอร์กโดว์ และสีเขียวเข้มของป่าทึบซึ่งเข้ากับความแวววาวของงานโลหะโบราณได้เป็นอย่างดี
ชณะที่ในคอลเลคชั่น Collezione 1910 มีที่มาจากสไตล์อาร์ตนูโวของภาพโฆษณาร้านบุลการีที่ Via dei Condotti ในกรุงโรม ได้พิมพ์และดีไซน์ในสีที่มีความแตกต่างในเฉดสีของวัสดุ อาทิ หนังควายน้ำ หนังแกะ หนังนูบัค และ ผ้าแคนวาส ขณะเดียวกันกระเป๋ารุ่นนี้ก็ยังได้เลือกใช้สีเมทาลิคในหนังจระเข้ และหนังลูกม้า สำหรับรุ่นนี้ โลโก้ S. Bulgari ยังคงปรากฎและเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ ด้วยการสลักโลโก้บนเนื้อโลหะของสายคล้องในกระเป๋าทรงทรังค์หนังจระเข้ รวมไปถึงในสายคล้องแขนของกระเป๋าทรงกระสอบหนังลูกวัวและหนังลูกม้าสีบรอนซ์
ส่วนรุ่น Twist เป็นอีกหนึ่งรุ่นของบุลการีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก รุ่นนี้ได้ฉายภาพที่โดดเด่นของหนังแกะ nappa สีดำอันงดงามพิถีพิถันด้วยเทคนิคการพับจับจีบแบบ Alveare อันเป็นตราที่ใช้สำหรับเครื่องประดับในทศวรรษที่ 1980 ให้ภาพของกระเป๋ารูปทรงครึ่งวงกลมงามดังรวงผึ้ง
ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างแสงและเงาได้กลายเป็นธีมหลักของรุ่น Twist String ที่ให้ความแน่นนุ่มเหมือนกำมะหยี่จากหนังนูบัคไปจนถึงหนังงูเหลือม โดยคอลเลคชั่นนี้ออกแบบให้กระเป๋ามีรูปทรงไข่อันเป็นรูปทรงหลักของรุ่นนี้
...
ปิดท้ายที่กระเป๋าสำหรับงานราตรี ซึ่งมีการนำกระบวนการและวัสดุในกระเป๋ากลางวันได้เข้ามาเรียงร้อยใหม่ อาทิการพับจับจีบบนเนื้อซาตินและการประดับอัญมณีล้ำค่าอย่างอะเมธิสต์ เทอควอยส์ รวมถึงนำความวาวงามของเนื้อมุก (Mother of pearl) มาประดับในกระเป๋าผ้าซาติน โดยกระเป๋าชิ้นนี้มีแรงบันดาลใจมาจากสร้อยคอในยุค 1970 อันเป็นสร้อยดอกดอกเดซี่จำนวนสิบแปดดอกที่วางร้อยในขนาดที่ไล่เรียงกันอย่างดงาม ในแต่ละดอกมีเกสรมุกอยู่กึ่งกลาง กลีบดอกทำจากหินปะการังสีชมพูและเพชรพราว เช่นนี้แล้ว คอลเลคชั่นนี้เป็นการรวมทั้งความโก้หรูและความคิดสร้างสรรค์ และทำให้กระเป๋าราตรีทุกชิ้นของบุลการีได้กลายเป็นอัญมณีชิ้นเล็ก ๆ อันมีสไตล์ที่พรั่งพร้อมด้วยความงามสง่าแบบไร้กาลเวลาอย่างแท้จริง