ภาพน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้ว ยังคงย้อนไปย้อนมา หลอกหลอนคนไทยไม่จางหายไปเสียที ยามเม็ดฝนปะพรมลงครั้งใดหัวอกหัวใจมันสั่นหวั่นไหวไม่หยุดหย่อน...
จากเหตุการณ์คราวนั้น เราเห็นรูปแบบการเดินทางของคนเมืองที่เปลี่ยนไป จากถนนกลายเป็นแม่น้ำ เราเห็นห่วงยางที่ทำให้รถลอยน้ำอย่างไม่น่าเชื่อ เราเห็นรถที่อยู่ดีๆ ก็มีท่อไอเสียต่อพ้นน้ำเพื่อให้มันหายใจ เราได้ขึ้นรถเมล์วิ่งเข้ามาถึงหมู่บ้าน หรือแม้กระทั่งใครหลายคนคงเคยเห็นมอเตอร์ไซค์ขี่มุดน้ำผ่านทางคลิปตามเว็บไซต์ต่างๆ และเราได้เห็นน้ำใจของคนไทยที่ช่วยเหลือกันจนผ่านมันไปได้...เย้
ที่ต้องรำลึกความหลัง ไม่ใช่เพื่อตอกย้ำให้ช้ำใจ แต่วันนี้ไทยรัฐออนไลน์จะพาไปหายานพาหนะชนิดหนึ่ง ที่มันแสนจะเหมาะเจาะ เหมาะสม เหมาะเหม็ง เจ๋งเป้งเอามากๆ สำหรับบ้านเมืองเรา ที่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มะรืนนี้น้องน้ำจะกระฉอกมาถึงตรอกหน้าบ้านเวลาใด
'WaterCar Python' ยานพาหนะที่สามารถเดินทางไปทุกที่ ด้วยความสามารถอันไร้ข้อจำกัด มันเหยียบได้ทั้งแผ่นดินและแอบอิงเหนือผิวน้ำได้อย่างสง่าผ่าเผย และนั่นทำให้เห็นว่า ไม่มีอุปสรรคใดจะสามารถขวางกั้นสำหรับการเดินทางโดยตัวมันได้
โลกคงต้องคารวะให้กับ GM (General Moters) ที่มอบความมหัศจรรย์ทางสมรรถนะ ด้วยการถ่ายทอดพันธุกรรมของซุปเปอร์คาร์ อย่าง Corvette ZR1 ให้กับ 'WaterCar Python' คันนี้ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันยึดครองบัลลังก์ยานพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบกที่มีความเร็วสูงที่สุดในโลกไปครอง!
...
โดยรุ่นท็อปของ 'WaterCar Python' ด้วยสุดยอดเครื่อง LS9 ทำให้มันเค้นความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. โดยขอเวลาเพียง 4.5 วินาทีเท่านั้น แต่เดี๋ยวก่อน...เวลาดังกล่าวเป็นเวลาที่มันเคลื่อนที่บนบก ซึ่งมันอาจต้องใช้เวลามากขึ้นอีกนิดหน่อย เมื่อต้องขับเคลื่อนบนผิวน้ำ อาจเนื่องมาจากแรงต้านจากผิวน้ำนั่นเอง ที่มันทำให้สูญเสียเรี่ยวแรงไปเล็กน้อย แต่โดยภาพรวมแล้ว เมื่อมันต้องแบกน้ำหนักตัวถึงกว่า 1.8 ตัน แล้วมันสามารถทำความเร็วได้ระดับนี้ มันก็น่าพึงพอใจมิใช่น้อย
ที่สำคัญ 'WaterCar Python' ยังให้อะไรบางอย่างที่พิเศษกว่าศักยภาพด้านกลศาสตร์ นั่นคือ 'ไลฟ์สไตล์' สิ่งที่ค่ายรถส่วนใหญ่อยากจัดให้ผู้บริโภคเสียเหลือเกิน แต่จะมีใครทำได้แบบรถกึ่งบกกึ่งน้ำคันนี้ล่ะ เพราะมันสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าจากการตกแต่งได้แบบไม่ซ้ำกันแล้ว แต่ความต้องการของคนผู้นั้น ภายนอกสามารถตกแต่งให้แตกต่างได้ถึงเกือบ 6,000 แบบ และภายในอีกราว 4,000 แบบ!
คิดดูสิ นั่นเท่ากับว่า รถแต่ละคันแทบจะกลายเป็นรุ่นลิมิเต็ดฯ ไปในตัว แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าราคาของมันก็คงไม่พื้นๆ เช่นกัน เพราะราคาเริ่มต้นของมันอยู่ที่ 200,000 เหรียญฯ (ประมาณ 6.6 ล้านบาท) ขอย้ำว่า 'ราคาเริ่มต้น' หากเศรษฐีเมืองไทยคนใดใจป้ำ อยากจะหอบข้ามน้ำข้ามทะเลก็บวกลบกลบภาษีเข้าไปแล้วก็คงมีให้เห็นแตะหลักสิบล้านแน่ๆ และก็ยังอดนึกถึงภาพมันโลดแล่นกลางลำน้ำเจ้าพระยาไปไม่ได้ หึหึ...
...
