ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราคงจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับสารเติมเต็ม หรือ filler และไฮยาฯ จากข่าวพริตตี้สาวที่กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา จากการไปฉีดฟิลเลอร์กับหมอเถื่อนมาพอสมควร วันนี้เลยอยากจะถือโอกาสพูดถึงสารเติมเต็ม หรือ filler และ ไฮยาลูรอนิค แอซิดกันหน่อย

*ฟิลเลอร์..มหัศจรรย์แห่งการเติมเต็ม ประโยชน์มากมาย แต่ถ้าใช้ผิด หรือเจอของปลอมก็อันตรายมหันต์

คำว่าฟิลเลอร์  หรือสารเติมเต็ม เป็นชื่อเรียกรวมๆ ของการฉีดสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบธรรมชาติ เพื่อความสวยงามเป็นส่วนใหญ่ ใช้ในการเสริมปรับรูปหน้าในตำแหน่งที่ต้องการให้นูนเด่น เช่น จมูก, ขมับ, หน้าผาก, คาง, ริมฝีปาก, ร่องลึกใต้ตา, ร่องน้ำตา, ร่องแก้ม, มุมปาก หรือโหนกแก้ม หรือใช้ฉีดเพื่อลดริ้วรอย  รวมไปถึงเพิ่มสัดส่วนต่างๆ เช่น ตะโพก หน้าอก 

*ชนิดของสารเติมเต็ม หรือฟิลเลอร์ แบ่งเป็นแบบถาวร และ แบบไม่ถาวร

แบบถาวร ก็เช่น ซิลิโคน เม็ดพลาสติก หรือสารตระกูลน้ำมันพาราฟิน ซึ่งคุณหมอห้ามฉีดเด็ดขาดอันตรายมากๆ เกิดผลข้างเคียงแน่นอน เพียงแต่ว่าจะปรากฏผลช้าหรือเร็วเท่านั้น อาจเกิดอาการแพ้แบบเฉียบพลัน หรือไม่เช่นนั้นในระยะยาวก็จะเกิดเป็นก้อน หรือไหล และอักเสบได้ อย.ไม่รับรอง ผิดกฎหมาย

ส่วนแบบไม่ถาวร แบ่งเป็น ฟิลเลอร์จากสารสังเคราะห์ที่เรียกว่า “ไฮยาลูโรนิค  แอซิด” (Hyaluronic Acid,  HA) เรียกสั้น ๆ ว่า “ไฮยาฯ” มีความปลอดภัยสูง มีการรับรองจาก อย. เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นเลียนแบบ Hyaluronic Acid หรือ HA

...

Hyaluronic Acid หรือ HA  คือ กรดที่ร่างกายของเราผลิตขึ้นมา มีอยู่ทั่วไปตามร่างกาย และโดยเฉพาะบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างอวัยวะและเซลล์ เพื่อเพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสีและเพิ่มความยืดหยุ่น เช่น จุดเชื่อมต่อบริเวณหัวเข่า สำหรับผิวหน้าของเรานั้น กรดตัวนี้จะถูกผลิตขึ้นและอยู่ในบริเวณผิวหนังชั้น Dermis (ผิวชั้นล่าง) เป็นสารอุ้มน้ำ ที่ทำหน้าที่คอยยึดจับโปรตีนคอลลาเจนเข้าไว้ด้วยกัน ถ้าหากมี HA สมบูรณ์ มันจะช่วยให้ผิวหนังสามารถเก็บกักความชุ่มชื่นได้มากกว่า ทำให้ผิวหนังดูแน่น เนียน และชุ่มชื้น

เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตกรดไฮยาฯ ตามธรรมชาติก็จะลดน้อยลง ผลก็คือผิวจะสูญเสียความชุ่มชื่น ผิวแห้งขึ้น และขาดความยืดหยุ่น สิ่งที่จะตามมาก็คือ ริ้วรอย  จึงเป็นที่มาของการฉีดสารฟิลเลอร์นั่นเอง อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันก็มีทรีทเมนต์ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างสารไฮยาฯ ใต้ผิวหน้งด้วยตัวเอง ชื่อว่า Deep Fractional RF โอกาสต่อไปจะได้หาเวลามาคุยกันเกี่ยวกับเทคโนโลยีตัวนี้

สำหรับข้อเสียในการฉีดสารไฮยาฯ ก็คือ ถ้าฉีดในปริมาณมากเกินไป จะทำให้เกิดการจับตัวเป็นก้อนได้ เช่น การนำมาฉีดที่หน้าอก หรือตะโพก เป็นต้น ในกรณีที่ต้องใช้สารฟิลเลอร์จำนวนมาก ก็ควรจะใช้ฟิลเลอร์จากไขมันของตัวเอง


*การสร้าง “ฟิลเลอร์” จากเซลล์ของตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการแพ้


“ฟิลเลอร์” อีกชนิดที่มีความปลอดภัยสูง ก็คือฟิลเลอร์จากเซลล์ไขมันของตัวเอง ซึ่งมีความปลอดภัยสูง เหมาะที่จะใช้เติมในสัดส่วนต่างๆ ที่ต้องใช้ฟิลเลอร์จำนวนมาก อย่างหน้าอก และตะโพก แต่ก็มีข้อเสีย คือต้องใช้ระยะพักฟื้นนาน  นอกจากนี้ การเสื่อมสลายของไขมัน มีความไม่แน่นอน ไขมันแต่ละส่วนเสื่อมสลายไม่เท่ากัน ทำให้ผิวหน้าอาจจะไม่สม่ำเสมอหรือหน้าผิดรูปได้  อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่มีการคัดแยกเอาสเต็มเซลล์ออกมาจากไขมัน และฉีดกลับเข้าไปพร้อมกัน ก็จะทำให้ไขมันคงอยู่ได้นานขึ้น เสื่อมสลายช้าลง

พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ แพทย์ผิวหนังผู้มีประสบการณ์ด้านความงามกว่า 20 ปี แนะนำว่า “สิ่งที่ต้องระวังอย่างมากก็คือ ในปัจจุบันมีสารเติมเต็มปลอมที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย.ออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีราคาถูก แต่ไม่มีใครยืนยันได้ถึงมาตรฐาน และคุณภาพ ซึ่งเป็นความเสี่ยงอย่างมาก  ตลอดจนอาจเกิดอาการแพ้อย่างที่เกิดเป็นข่าวขึ้น สำหรับความเสี่ยงในการฉีดสารฟิลเลอร์นั้น ถ้าพูดกันตรงๆ ก็ต้องบอกว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์มาก มีความชำนาญสูง โอกาสเกิดก็น้อยลง นอกจากนี้ ในตำแหน่งที่จะฉีด บางตำแหน่งมีความเสี่ยงสูง ที่ฟิลเลอร์จะเข้าไปอุดตันเส้นเลือดได้ เช่น การฉีดเสริมจมูก ฉีดบริเวณหัวคิ้ว ที่อาจทำให้เกิดการตาบอด เพราะสารที่ฉีดเข้าไปนั้น ไปปิดกั้นเส้นเลือดที่จะไปหล่อเลี้ยงจอประสาทตา ดังนั้น ผู้ฉีดจึงควรเป็นแพทย์ผิวหนังที่มีความชำนาญ และได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะ”

“ฟิลเลอร์” เป็นสารมหัศจรรย์ก็จริง แต่ก็จะต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์เฉพาะทาง ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์จริงๆ อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับของที่ราคาถูกดีกว่า..เพราะไม่คุ้มจริงๆ

ข้อมูล/ภาพ : Apex Profound Beauty