ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คนกรุงฯ เหมือนได้นั่งดูภาพยนตร์ในรถเรื่อง 'ติดสยอง 20,000 โยชน์' ยังไงยังงั้น ภาพรถราเรียงรายไฟท้ายแดงเถือกแน่นิ่งบนท้องถนน กลายเป็นภาพชินตาแต่บาดหัวใจในวันฝนฟ้าทำร้ายกันอย่างทารุณ...
เหตุการณ์ไฟท้ายแดงทั้งแผ่นดินที่ผ่านมาและอาจยังไม่ผ่านไป คงทำให้ใครหลายคนที่เพิ่งถอยรถใหม่เกียร์ธรรมดาหันค้อนกันให้ขวับ บ่นเสียงอุบว่า รู้งี้เอาเกียร์อัตโนมัติดีกว่าไหม เพราะตอนนี้ตะคริวเริ่มจะถามหาแล้วนะเนี่ยยยย ชิชะ
แต่อยากบอกว่าหากใครคิดว่าคนขับเกียร์อัตโนมัติแล้วรถติดแบบนี้จะสบายล่ะก็ คงต้องบอกว่าถูกแค่ครึ่งเสี้ยวเท่านั้น รู้ใช่หรือไม่ว่าอัตราผลาญน้ำมันของรถเกียร์อัตโนมัติเนี่ย มันยิ่งว่าเกียร์ธรรมดาเป็นไหนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วการใช้งานในสภาวะผิดปกติเยี่ยงนี้
หากแต่ว่าการขับรถเกียร์อัตโนมัติอย่างถูกวิธี นอกจากเป็นการถนอมเกียร์ให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน และที่สำคัญมันยังสามารถช่วยบรรเทาข้อด้อยเรื่องการบริโภคน้ำมันที่เกินหน้าเกินตาเกียร์ธรรมดาได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นเรามาเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันเลย
...
'กระดึ๊บๆ' ให้รถเคลื่อนที่ด้วยแรงบิดของมันเอง
ในขณะที่รถติดอย่างหนัก สรรพนามของการเคลื่อนที่มันจะตั้งอยู่ในโหมด 'กระดึ๊บ' ซึ่งโหมดนี้แหละยิ่งเป็นโหมดระทมทุกข์ทรมานของเหล่าบรรดารถเกียร์ธรรมดา ที่ต้องหมั่นกระแทกคลัตช์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่คำแนะนำสำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ คือแค่โขยกคันเกียร์ไปที่ D เพียงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องสัมผัสคันเร่งเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้รถไหลไปเองตามกำลังของมัน เราเรียกว่า 'Walking Speed' เพียงเท่านี้รถเกียร์อัตโนมัติก็มีส่วนช่วยในการประหยัดน้ำมันได้ขึ้นอีกนิดแล้ว
เสมอต้น เสมอปลาย วิธีใช้ไม่ให้สิ้นเปลือง
การขับรถเกียร์อัตโนมัติด้วยความเร็วสม่ำเสมอ และรักษารอบของเครื่องยนต์ให้คงที่มากที่สุด โดยทั่วไปมักนิยมให้รอบเครื่องไม่เกิน 2,000 รอบ/นาที เพราะการที่รอบเครื่องยนต์ค่อนข้างคงที่ นั่นหมายถึงการใช้น้ำมันที่น้อยลงตามไปด้วยนั่นเอง
โดยเฉพาะในปัจจุบันรถระดับกลางเริ่มมีการใส่ Cruise Control ลงมาในตะกร้าออปชั่นด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งยอดเยี่ยมเข้าไปใหญ่ เพราะระบบควบคุมความเร็วจะยิ่งทำให้รอบเครื่องและความเร็วคงที่ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ นำมาซึ่งการใช้เชื้อเพลิงอย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว
ออกตัวแรง กินน้ำมันกระฉูด
การออกตัวอย่างบุ่มบ่าม เหมือนกับจะพุ่งทะยานไปอย่างไม่ยั้งคิด เพียงแค่นี้น้ำมันในถังก็ถูกเผาผลาญโดยสูญเปล่า เช่นเดียวกับการวิ่งแซงอย่างเอาเป็นเอาตาย ยิ่งนิยมการ 'Kick Down' เพื่อให้เกียร์อัตโนมัติตบเกียร์ลงทุกคราวแล้วล่ะก็ งานนี้มีปวดตับ ต้องนวดขมับเพราะเข้าปั๊มเป็นว่าเล่นแน่ๆ
ขึ้นเขา ลงเขา เอาไว้เกียร์ต่ำ
การขึ้น-ลงทางชันสำหรับเกียร์อัตโนมัติก็เช่นกัน ต้องใช้เกียร์ให้เหมาะสมเหมือนเกียร์ธรรมดา คือใช้เกียร์ต่ำเป็นสำคัญ หากใช้เกียร์สูงทำให้เสียกำลังเครื่องยนต์มากยิ่งขึ้นในขณะไต่ขึ้นทางชันก็สูญเสียน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก ขณะลงเขาการใช้เกียร์ต่ำเพื่อสร้างแรงเบรกจากเครื่องยนต์เพื่อแบ่งเบาการทำงานหนักของเบรกให้ลดน้อยลง
การใช้เกียร์ต่ำในเกียร์อัตโนมัติสามารถทำได้ด้วยการเลือกเกียร์ L1 หรือเกียร์ L2 ซึ่งมันเป็นประเภทเกียร์ต่ำ รถจะมีแรงบิดมากสามารถดันตัวเองขึ้นทางชันได้นั่นเอง ในปัจจุบันเกียร์อัตโนมัติแบบเลือกเกียร์เองได้ จะมีสัญลักษณ์ + กับ - กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น ทำให้การกำหนดเกียร์ต่ำมีความเข้าใจได้ง่ายขึ้นไปด้วย
...
ปล่อยคันเร่ง ก่อนเบรกจนจอดนิ่ง
การคาดการณ์ล่วงหน้าก่อนการเบรก เป็นข้อสำคัญที่จะช่วยฉุดการซดน้ำมันลงได้เป็นอย่างดี คำนวณสถานการณ์ด้านหน้า ระยะก่อนที่รถจะจอด แล้วปล่อยให้รถไหลไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องแตะเบรก เอาแรงเฉื่อยแฉะตามหลักการอะไรนั่นแหละเข้ามาช่วย เพราะมันจะทำให้รถเคลื่อนที่ไปด้านหน้าโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องยนต์มากนัก เมื่อใกล้จอดสนิทแล้วค่อยแตะเบรกให้หยุดนิ่งอีกที
สำหรับเกียร์อัตโนมัติไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่งให้เปลี่ยนเป็นเกียร์ว่าง (N) ก่อนที่รถจะหยุดนิ่ง เหมือนเกียร์ธรรมดา บางคนอาจปล่อยไหลก่อนที่จะจอดด้วยการใส่เกียร์ว่าง นั่นถือเป็นการลงทัณฑ์ชุดเฟืองของเกียร์อัตโนมัติอย่างที่สุด ปล่อยให้มันไหลไปด้วยเกียร์เดินหน้าปกติ แค่นั้นก็พอแล้ว...
หลักการที่คล้ายคลึงกันสำหรับการขับขี่แบบประหยัดน้ำมันของรถทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติง่ายๆ ก็คือ 'ยิ่งเอาขาไปแตะคันเร่งน้อยเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งประหยัดได้มากขึ้นเท่านั้น'...ลองดู!!