ใกล้คลอดเต็มทนกับรถถนนที่แรงที่สุดในโลกของบริษัท BMW พกพาม้ามากว่า 590 ตัว อัตราเร่ง 0-100 ใน 4.3 วินาที บนเรือนร่างที่หนักเกือบ 2 ตัน...

งานวิจัยและพัฒนารถสปอร์ตซีดานรุ่น M5 เปิดเผยตัวตนและรูปลักษณ์ที่แท้จริงในงานเซี่ยงไฮ้มอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา แต่วิศวกรของ BMW ยังคงปกปิดรายละเอียดส่วนใหญ่ของระบบ Dynamics ที่ใช้ควบคุมเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบตัวแรง ในขณะที่รูปทรงของ M5 ใหม่ สะท้อนความเป็นตัวตนของรถรุ่น Seres 5 ออกมาได้อย่างหมดจดและงดงามตามสไตล์ของค่ายใบพัด ชุดสปอยเลอร์หน้า-หลังจาก M-Technic วงล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว จานเบรกมหึมาและคาร์ลิปเปอร์เบรกอัลลอย 6 พอตสีดำ พร้อมด้วยครีบระบายความร้อนที่แก้มข้าง นี่คืองานสร้างรถถนนที่มีความสุดขั้วมากที่สุดคันหนึ่งในยุคนี้ และมันมีประสิทธิภาพเท่าเทียมหรือดีกว่าซุปเปอร์คาร์สายพันธุ์แท้บางคันเสียอีก

...

มันใช้เครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบที่มีกำลัง 560 แรงม้าของ X5M และ X6M เครื่องยนต์ถูกปรับจูนให้มีม้าเพิ่มมากขึ้นอีกเล็กน้อยด้วยการใช้เทอร์โบแฝด ซึ่งรับหน้าที่อัดอากาศเข้าท่อร่วมไอดีฝั่งละ 4 สูบแบบแยกกันทำงาน ทำให้ไม่จำเป็นต้องลากรอบจนสุดเพื่อเรียกกำลังในรูปของแรงบิด หลังจากรถ M5 รุ่นที่แล้วใช้เครื่อง V10 ที่ไม่มีระบบอัดอากาศสามารถผลิตแรงม้าได้ถึง 500 ตัว เมื่อมาถึง M5 รุ่นใหม่คันนี้ เครื่องยนต์จึงถูกลดกระบอกสูบลงเหลือแค่ 8 จาก10 ทำให้น้ำหนักเครื่องยนต์ลดลงและการบาลานซ์เครื่องยนต์ให้เข้ากับแชสซีส์มี ตัวเลขที่เสถียรมากยิ่งขึ้น ส่งผลไปถึงการควบคุมที่วิศวกรของ BMW เคลมว่า มันวิ่งได้ดีกว่ารุ่นเก่าอย่างเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว แรงบิดในรอบกลางที่ค่อนข้างเบาของรุ่นที่แล้วได้รับการปรับปรุงจากชุดส่งกำลังแบบใหม่ เกียร์ Step-Tronic 7 สปีดพร้อมแป้นแพดเดิ้ลอะลูมินัมอัลลอยหลังวงพวงมาลัยจะช่วยให้การเปลี่ยนอัตราทดมีความฉับไวมากขึ้น ถึงแม้มันจะมีแค่ 7 เกียร์ซึ่งน้อยกว่า Series 5 F10 รุ่นปกติอยู่ 1 ตำแหน่ง แต่ความเหนียวแน่นทนทานจากการออกแบบและสมองกลไฟฟ้าที่คอยควบคุมจะช่วยให้การส่งถ่ายแรงบิดจากเครื่องยนต์มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น

...

เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ 4.4 ลิตรที่ใช้ระบบ EfficientDynamics ช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงอีก 1 ใน 3 เมื่อเทียบกับเครื่อง V10 ของรุ่นที่แล้ว แถมยังมีแรงบิดมหาศาลในรอบต่ำให้ใช้งานอีกด้วย พลังงานในรูปของแรงบิดมีให้ใช้อย่างเหลือเชื่อในรอบเครื่องยนต์ที่กว้างมาก ขึ้นจากการทำงานของเทอร์โบแฝดทั้ง 2 ตัว วิศวกรในแผนกมอเตอร์สปอร์ตของค่ายนี้เลือกใช้เทอร์โบตัวเล็ก 2 ตัวแทนที่จะใช้เทอร์โบตัวใหญ่เพียงตัวเดียว จากเหตุผลของการสร้างสมรรถนะในการเร่งรอบให้เครื่องยนต์สามารถส่งถ่ายแรงบิดได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำสุดไปจนถึงรอบสูงสุด เครื่องยนต์ถูกวางเป็นรูปตัววีโดยใช้การออกแบบท่อร่วมไอดีคร่อมอยู่ด้านนอก และท่อไอเสียอยู่ในตำแหน่งด้านใน ทำให้ท่อทางเดินระหว่างกระบอกสูบไปยังเทอร์โบนั้นสั้นมาก การตอบสนองของเครื่องยนต์จากการกดคันเร่งไฟฟ้าแบบ drive by wire จึงมีความกระชับฉับไวมากขึ้นไปอีกระดับ พวกช่างเครื่องชั้นหัวกะทิในแผนกมอเตอร์สปอร์ตยังเลือกใช้เทอร์โบแบบ Twin-Scroll (คล้ายกับเทอร์โบในเครื่องยนต์ของ MINI R56) ซึ่งสามารถรักษาแรงดันของเทอร์โบได้อย่างต่อเนื่องและราบรื่น ชุดลดอุณหภูมิอากาศหรืออินเตอร์คูลเลอร์ถูกติดตั้งให้อยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับฝาสูบ ทำให้ท่อทางเดินของชุดไอดีสั้นลงมาก ระบบจ่ายเชื้อเพลิงของ New M5 เป็นแบบไดเรคอินเจคชั่นก็ยังช่วยทำให้มันมีกำลังอัดอย่างต่อเนื่องและรุนแรง แม้จะไม่ได้รับการปรับตั้งโมดิฟายหลังออกจากโรงงานมันก็ยังเป็นรถถนน 4 ประตูที่แรงที่สุดในโลกอยู่ดี

...

...

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรในสนามทดสอบสามารถทำตัวเลขออกมาได้ที่ 4.3 วินาที เร็วกว่า M5 เครื่อง V10 รุ่นเก่าอยู่ 0.3 วินาที และเมื่อปลดล็อกระบบกำจัดความเร็ว มันมีตัวเลขความเร็วปลายคันเร่งที่ 188.9 ไมล์ต่อชั่วโมง อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและค่าการปล่อย Co2 ที่ดีขึ้นยังคงทำให้มันเป็นสปอร์ตซีดานยุคใหม่ที่สามารถผ่านค่าตัวเลขการปล่อยมลพิษอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม จากการปรับจูนท่อทางเดินของระบบไอเสียและ ชุดแคทเตอร์ไลติกแบบล่าสุด ในหลักการของระบบ EfficientDynamics ยังช่วยทำให้มันผ่านมาตรฐาน EURO5 อีกด้วย รวมถึงการใช้พวงมาลัยไฟฟ้าแทนที่แบบกลไกไฮดรอลิก หมายถึงน้ำหนักของชุดบังคับเลี้ยวที่ลดลงและช่วยให้ประหยัดน้ำมัน วิศวกรมุ่งเน้นไปที่การกำจัดแรงเสียดทานระหว่างเครื่องยนต์กับชิ้นส่วนต่างๆ ในระบบขับเคลื่อน ชุดกำเนิดไฟฟ้าจากการเบรกและระบบสตาร์ตเครื่องยนต์จะถูกรวมเอาไว้ด้วยกัน เพื่อดับและติดเครื่องยนต์ในขณะที่จำเป็น พลังงานจากการเบรก ความร้อนจากท่อระบายไอเสียและการถอนคันเร่งทุกครั้งจะถูกนำมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้า อากาศพลศาสตร์ที่ผ่านการคำนวณค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านทานมาเป็นอย่างดี ทำให้ตัวรถมีความนิ่งและมั่นคงแม้จะวิ่งด้วยย่านความเร็วที่ใกล้เคียงกับระดับ ท็อปสปีด

รอบเครื่องถูกทำให้ป้วนเปี้ยนอยู่ แถวๆ 7,200 รอบต่อนาที ส่วนมาตรวัดความเร็วก็ยังมีตัวเลขมาให้ถึง 330 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบเกียร์แบบคลัตซ์คู่ 7 สปีดใช้ลิมิเต็ดสลิป แบบแอคทีฟ ช่วยถ่ายทอดกำลังในโค้งแคบๆ ได้ดี แถมยังช่วยให้ตัวรถสามารถเปลี่ยนเลนแบบกะทันหันโดยไม่เสียอาการ คล้ายกับระบบ E-Diff ของ Ferrari ถึือเป็นข่าวดีสำหรับนักขับที่ชอบทำให้ล้อหลังมีควันยางพวงพุ่งออกมาจากการกดคันเร่งก่อนออกตัว แชสซีส์ถูกโมดิฟายเต็มระบบสอดประสานไปกับการวางตำแหน่งของเครื่องยนต์ร่นไปทางกึ่งกลางของตัวถังที่มีตัวเลขในระดับ 50/50 ตามมาตรฐานของการกระจายน้ำหนักที่ขึ้นชื่อว่าสุดยอดของ BMW โหมดปรับความแข็ง-อ่อนของช่วงล่างที่สามารถปรับได้ถึง 3 รูปแบบการขับขี่ทั้งบนถนนปกติหรือแม้แต่ในสนามแข่งขัน ปุ่ม DSC กับปุ่ม Auto Start-Stop ช่วยอำนวยการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบ

รถ BMW New M5 ทุกคันใช้ระบบควบคุมด้วยไฟฟ้าที่คอยช่วยเหลือให้สมรรถนะในการขับขี่ดียิ่งขึ้น ทั้งระบบกันสะเทือน จังหวะของการเปลี่ยนอัตราทดที่ลงตัวกับความเร็ว การตอบสนองของคันเร่งไฟฟ้า น้ำหนักของพวงมาลัยที่แปรผันไปตามความเร็ว โหมดการขับขี่ในแบบที่เจ้าของรถชื่นชอบถูกโปรแกรมเอาไว้เรียบร้อยและรอคอย แค่การสั่งงานผ่านสวิตช์ควบคุมเท่านั้น

รูปทรงที่ผ่านการคำนวณมาเป็นอย่างดีจากคอมพิวเตอร์ดูนุ่มนวล มาดมั่นและทรงพลัง กันชนหน้าใช้ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ซุ้มล้อโป่งออกเล็กน้อยมากกว่ารุ่นปกติเพื่อรองรับล้อและยางไซส์โต ชิ้นส่วนตกแต่งอื่นๆ ยังมีชิ้นสปอยเลอร์บนฝากระโปรงท้าย ท่อระบายไอเสียสีเงินยวงแบบสเตนเลสอีก 4 ท่อรวมทั้งฝาครอบไฟเลี้ยวแบบโปร่งแสง หลังคางานคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านคู่ขนาด 20 นิ้วซึ่งมีทั้งสีเงินและสีดำให้เลือก พวงมาลัยแบบแอคทีฟพร้อมชุดเบาะทรงสปอร์ตออกแบบมาเป็นพิเศษให้มีความแตกต่าง จาก Series 5 รุ่นปกติ ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์-ไบซีนอนยังใช้โคมภายในสีดำที่มีระบบไฟส่องสว่างในเวลา กลางวันหรือ Daytime-Runing ไฟหน้าอัจฉริยะยังสามารถปรับเปลี่ยนมุมองศาไปตามสภาวะของการขับขี่หรือสภาพ อากาศและสภาพเส้นทางได้อีกด้วย.

VDO


Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom