พบกับการทดสอบเต็มรูปแบบบนตัวรถ BMW 523i Highline สมรรถนะ อัตราการสิ้นเปลือง ความคุ้มค่า และประสิทธิภาพโดยรวม...
หนึ่งในงานวิศวกรรมชั้นเยี่ยมของพวกเยอรมันคือรถยนต์ BMW ซึ่งไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเมื่อได้ทดสอบพวกมันทุกคัน ปรัชญาดั้งเดิมของ Series 5 คือ รถซาลูนคุณภาพสูงที่ส่งถ่ายรายละเอียดอันซับซ้อนของโครงสร้างรถและช่วงล่าง ประสานไปกับระบบขับเคลื่อนได้อย่างสมบูรณ์แบบ รถรุ่น F10 523i Highline ให้ความรู้สึกในการเป็นรถยนต์ BMW อย่างที่มันควรจะเป็น ถึงแม้มันจะรุงรังไปด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่คอยช่วยเหลือการขับขี่ของคุณให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ก็นับได้ว่ามันคือหนึ่งในซาลูนขนาดกลางที่เที่ยงตรงและแม่นยำมากที่สุด เหมือนกับบรรพบุรุษที่ครองตัวเองอยู่ในอันดับบนของรถยนต์ครอบครัวมายาวนานในประวัติศาสตร์แห่งโลกยนตกรรม


...

เมื่อลองเข้าไปนั่งภายในห้องโดยสารก็จะพบกับงานออกแบบที่ส่งถ่ายรายละเอียดของอุปกรณ์ การวางตำแหน่งปุ่มและสวิตช์ การเลือกใช้วัสดุ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนให้มุมมองและผิวสัมผัสที่สามารถส่งถ่ายความรู้สึกที่ดีเมื่อขับขี่ใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ค่าย BMW คือหนึ่งในยานยนต์ที่มีภายในงดงามจากงานประกอบคุณภาพสูงที่ปราณีตละเอียดอ่อน หนังแท้ อะลูมิเนียมกลึง และพลาสติกตลอดจนลายไม้ที่คาดแนวกึ่งกลางของห้องโดยสารคือวัสดุคุณภาพสูงที่ Adrian Van Hooydonk หัวหน้าแผนก R&D ของ BMW บรรจงใส่เข้าไปในตัวรถ ตำแหน่งของการขับขี่สามารถปรับเบาะได้หลายระดับจากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าใต้ตัวเบาะที่บันทึกความจำได้ถึง 4 ตำแหน่ง หน้าปัดวงกลมสองวงขนาดใหญ่ วางตำแหน่งวัดความเร็วไว้ที่ด้านซ้าย ส่วนขวามือเป็นวัดรอบที่บริเวณขอบล่างของมาตรวัดรอบยังมีการบอกถึงการชาร์จพลังงานเข้าแบตเตอรีจากการเบรก ซึ่งเป็นระบบ EfficientDynamics ที่ช่วยในการประหยัดพลังงานและลดมลภาวะ ระบบ Head-Up Display - สวิตช์มัลติฟังก์ชั่น iDrive กับจอมอนิเตอร์ขนาด 10.2 นิ้ว ถูกปรับแก้โปรแกรมมาให้ใช้งานได้ง่ายดายขึ้นมากกว่ารุ่นแรกๆ ที่ออกมาในปี 2001ในรถ Series 7 ทั้งหมดทั้งปวงจากภายในของ F10 523i Highline คือสุดยอดแห่งงานออกแบบห้องโดยสารยุคใหม่อย่างแท้จริง


ระบบปรับอากาศดิจิตอลแยกส่วนซ้ายขวา ส่งถ่ายความเย็นได้อย่างรวดเร็ว มันเย็นกว่า BMW ทุกรุ่นที่ผมเคยควบ เป็นการปรับปรุงในส่วนที่เคยก่อปัญหาให้กับการขับขี่ในเมืองร้อนอย่างกรุงเทพมหานครให้หายไปอย่างสิ้นเชิง ใครที่เคยบ่นว่าแอร์รถยุโรปไม่เย็นเท่าแอร์จากรถญี่ปุ่นคงต้องลองมานั่งดูแล้วจะรู้ด้วยตัวเองว่ามันเยือกเย็นขนาดไหน เส้นทางการทดสอบตลอดระยะเวลา 4 วันที่ผมได้ขับทดสอบเจ้า F10 523i Highline เป็นการขับในกรุงเทพฯ ทั้งหมด หลังจากออกไปขับทดสอบในเส้นทางต่างจังหวัดมานานก็ต้องพบกับสภาพการจราจรที่ติดขัดคับคั่งในตอนกลางวัน ส่วนช่วงเย็นยังมีการแถมฝนหนักๆจากพายุฤดูร้อนที่มักจะเกิดขึ้นในเดือนนี้
...



...
เครื่องยนต์บล็อก 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 2,497 ซีซี ใช้เทคโนโลยีระบบแปรผันวาล์ว Valvetronic และ Double VANOS เป็นเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดที่ใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่คิดค้นขึ้นจากวิศวกรของ BMW โดยมีชื่อเรียกว่า EfficiencyDynamic กำลังของเครื่องยนต์ตัวนี้มีม้ามาให้ใช้งาน 204 ตัว ที่รอบเครื่องสูงถึง 6,300 รอบต่อนาที สะใจพวกขาโก๋ที่ชอบลากรอบเป็นอย่างยิ่ง แรงบิด 250 นิวตันเมตรหรือ 25.50 กิโลกรัม/เมตรที่ 2,700-3,300 รอบต่อนาที การออกตัวจากจุดหยุดนิ่งโดยไล่ความเร็วไปเรื่อยๆ คือ สไตล์การขับเจ้า New Series5 ที่มีความสุขที่สุด ช่วงล่างที่สามารถปรับความแข็ง-อ่อนได้ของมัน ทำงานร่วมกับระบบบังคับเลี้ยวแบบไฟฟ้าและระบบรองรับที่ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด จากที่เคยเป็นแบบ แมคเฟอร์สันสตรัทที่ด้านหน้าและดับเบิ้ลวิชโบนที่ด้านหลัง พอมาถึงโมเดล F10 กลับถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นแบบปีกนกอะลูมิเนียมคู่ทั้งหน้าและหลัง แต่ความหนึบแน่นยังคงเหมือนเดิม การหักเลี้ยวพวงมาลัยให้ความรู้สึกที่คมขึ้นกว่าเดิมทั้ง E39 และ E60 ที่เป็นรุ่นพี่ทั้งคู่ โครงสร้างที่แข็งแกร่งขึ้นถึง 55%ส่งผลให้การบังคับควบคุมในทุกย่านความเร็วดีขึ้นตามไปด้วย ช่วงล่างแบบ Adaptive Damper ยังสามารถปรับความแข็งได้อย่างรวดเร็วทั้งจังหวะยุบและยืดตัว โดยมีโหมดให้เลือกปรับตั้งถึง 3 แบบ ช่วยลดอาการโคลงในขณะที่ขับเข้าสู่ทางโค้งด้วยความเร็วสูงของทางต่างระดับบนทางด่วนได้ดีมากๆ

...


อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งอาจไม่รุนแรงกระชากกระชั้นเหมือนรถคันเล็กน้ำหนักเบาอย่าง 320d E90 แต่การไต่ระดับความเร็วจากน้อยไปหามาก ตัวรถ F10 เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นคง ตัวเลข 0-100 กิโลเมตรใน 8.5 วินาที ช้ากว่า 525d อยู่ 1 วินาที และช้ากว่า 530d อยู่ 2 วินาทีในการตะกายไปถึงความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเท่าที่สังเกตสำหรับการขับใช้งานปกติในกรุงเทพฯอยู่ที่ 11.0-12.0 กิโลเมตรต่อลิตร ใกล้เคียงกับที่วิศวกรของ BMW เคลมไว้ พวงมาลัยสามก้านทำงานด้วยไฟฟ้า EPS (Electronics Power Steering) หุ้มหนังแท้ทรงอวบจับได้กระชับมือดี แต่จะดีกว่านี้ถ้าสวิตช์ตั้งระบบควบคุมความเร็วถูกย้ายไปที่ก้านไฟเลี้ยวแทน การเผลอไปโดนมันเข้าโดยไม่ตั้งใจอาจทำให้มันทำงานขึ้นได้ ที่ชอบมากคือแซสซีส์ ที่วิศวกรจงใจทำออกมาให้มีอาการที่เป็นกลาง จากการกระจายน้ำหนักแบบ 50/50 ระบบพวงมาลัยแบบ Servotronic ถึงแม้มันจะใช้ปั๊มเพาเวอร์ไฟฟ้าในชุดบังคับเลี้ยวแทนปั๊มสายพาน แต่ระยะของการหักเลี้ยวกับการเปลี่ยนช่องทางยังคงทำออกมาได้ดีและเหนือชั้นกว่าเจ้า E60 อยู่เล็กน้อย เมื่อนึกสนุกขึ้นมาผมก็แค่กดเท้าขวาลงลึกไปเต็มๆ ตอนออกจากทางโค้ง กำลังในรูปของแรงบิดจะถูกส่งไปยังล้อหลังแบบทันทีทันใด ทำให้ตัวรถสามารถทะยานออกจากปลายโค้งได้อย่างแม่นยำและมีรถน้อยคันที่จะทำได้แบบมัน ก่อนที่จะเสียการทรงตัวสวิตช์แทรคชั่นคอนโทรลที่เปิดค้างไว้จะทำให้ระบบช่วยทรงตัว Dynamic Traction Control เข้ามาแทรกแซงอย่างฉับพลัน เมื่อระบบรักษาเสถียรภาพของตัวรถทำงานเพียวเสี้ยววินาทีก่อนที่ท้ายรถจะเริ่มปัด มันจะส่งให้ล้อทั้งสี่ที่บางล้อเริ่มขาดการยึดเกาะให้กลับมาจิกไปที่ผิวถนนอีกครั้ง ความสนุกจากการขับขี่ในจุดนี้ทำให้ผมลืมมันไม่ลงเลยทีเดียว



BMW Series5 F10 523i Highline ไม่เพียงแค่ขับได้สนุกเหมือนรถ BMW ทุกคันที่ผมเคยลองขับ จากความคล่องแคล่วว่องไวแม้จะเป็นซาลูนขนาดกลาง มันยังนั่งได้สบายและนิ่มนวลมากในตำแหน่งเบาะหลังอีกด้วย ห้องโดยสารที่เก็บเสียงได้เป็นอย่างดีจากการเลือกใช้วัสดุซับเสียงเกรดสูง แม้ที่ย่่านความเร็วสูงกว่า 170-190 กิโลเมตรต่อชั่วโมงคุณก็จะได้ยินเพียงแค่เสียงยาง Run-Flat ของ Goodyear ขอบ 18 นิ้วที่ดังลอดเข้ามาเบาๆ โดยไม่มีแม้แต่เสียงหวิดหวิวของลมที่ปะทะกับตัวถังที่ความเร็วสูงแม้แต่น้อย เสียงของเครื่องแถวเรียง 6 กระบอกสูบยังคงเอกลักษณ์ของความเป็น BMW เอาไว้อย่างเหนียวแน่น การจะฟังเสียงเครื่องยนต์ของมันคุณจะต้องปิดระบบเครื่องเสียงภายในเสียก่อน ไม่งั้นเมื่อคุณกดคันเร่งลงลึก ระบบที่มีเซนเซอร์ตรวจจับจะเร่งเสียงของเครื่องเสียงภายในห้องโดยสารสวนขึ้นมาทันที หลักการออกแบบนี้มีอยู่ในรถยนต์ระดับพรีเมียมหลายคันที่ผมเคยทดสอบ ทั้งเจ้า Audi Q7 4.2 Quattro S-Line และ Porsche Cayenne Turbo 2010 ซึ่งเป็นจักรกลจากเยอรมันเหมือนกันก็ยังมีระบบนี้มาให้ใช้งาน



การทดสอบในกรุงเทพมหานครทำให้การหาความเร็วปลายของตัวรถที่ BMW เคลมว่า F10 523i Highline สามารถวิ่งได้ถึง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่มีทางยาวๆ ที่จะวิ่งไปถึงได้ เนื่องจากต้องคำนึงถึงความปลอดภัยจากสภาพการจราจรและเส้นทางที่ใช้ทดสอบ ถึงแม้จะเป็นทางด่วนยกระดับในช่วงใกล้ตี 2 ที่รถราส่วนใหญ่น้อยลงมากก็ตาม การขับขี่แบบปกติที่ใช้ในชีวิตประจำวันดูจะเหมาะสมมากกว่ากับยานยนต์ทดสอบราคา 4.2 ล้านบาทของ BMW Thailand โหมด Comfort ดูจะเหมาะสมกับการขับขี่ในเมืองมากที่สุด ส่วนโหมด Normal ให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับช่วงล่างที่ปรับไม่ได้ในรถปกติทั่วไป ซึ่งมีส่วนช่วยในการวิ่งทางไกลได้มั่นคงมากขึ้น พวงมาลัยไฟฟ้าของ ZF จะถูกหน่วงให้หนักขึ้นเล็กน้อยและให้ความรู้สึกที่ไม่เบามือจนเกินไปเหมือนกับโหมด Comfort ส่วนโหมด Sport จะทำให้ทุกอย่างกระชับขึ้นจนมีความรู้สึกเหมือนกระด้างไปบ้าง ผู้ขับสามารถเลือกปรับตั้งค่าของระบบต่างๆได้ด้วยตัวเองทั้งช่วงล่าง คันเร่ง และจังหวะของการเปลี่ยนอัตราทดของเกียร์ โดยขึ้นอยู่กับอารมณ์หรือสภาพการขับขี่ที่ีมีความแตกต่างกันออกไปทั้งรูปแบบของการขับและเส้นทาง
เกียร์อัตโนมัติ 8 อัตราทดของ ZF ส่งถ่ายแรงบิดจากเครื่องยนต์ลงสู่ล้อคู่หลังได้อย่างหมดจด วิศวกรของ BMW พยายามแสดงให้เห็นถึงระบบส่งกำลังที่เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Mercedes Benz E-Class ซึ่งมีเกียร์แค่ 6 สปีดมาให้ใช้งาน จังหวะของการเปลี่ยนเกียร์ใน F10 มีความลื่นไหล ทำให้ผู้ขับแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าเกียร์ของมันได้ปรับเปลี่ยนขึ้นลงไปตามแรงกดคันเร่งหรือเบรคด้วยความนุ่มนวลของการปรับเซตอัตราทดที่ลงตัวและมีมากถึง 8 สปีดให้ใช้งาน



ชิ้นส่วนของช่วงล่างบางชิ้นที่ใช้ร่วมกับ Series7 ทำงานร่วมแกนไปกับโช๊คอัพแบบไฮดรอลิกของ ZF ที่ปรับจังหวะยุบและยืดตัวได้อย่างอิสระในทุกล้อ ระบบนี้ถูกเซตมาให้เข้ากับขนาดของล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว เกียร์อัตโนมัติของมันยังมีแป้นแพ็ดเดิ้ลชิพด้านหลังพวงมาลัย ที่ออกแบบให้หมุนตามการหักเลี้ยวเพิื่อทำให้ผู้ขับสามารถเปลี่ยนเกียร์ในขณะที่ทำการเลี้ยวได้ การใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแทนเกียร์แบบคลัตช์คู่ DTC ในรถรุ่น Z4 เพื่อต้องการคงเอกลักษณ์ของซาลูนสุดหรูที่มีการส่งถ่ายกำลังที่นิ่มนวลกว่ารถมาดสปอร์ตอย่าง Z-Car Model ถึงแม้มันจะด้อยกว่าเกียร์ DCT อยู่เล็กน้อย แต่มันได้เปรียบมากในเรื่องอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ฟังก์ชั่นเบรกมือไฟฟ้าอัตโนมัติข้างคันเกียร์ ช่วยให้การใช้งานมีความสะดวกสบายขึ้นกว่าเดิม ในโลกแห่งความเป็นจริงของการใช้งานบนรถซาลูนระดับพรีเมียมอย่าง Series 5 F10 523i Highline ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ก้าวไกลของมันจะช่วยทำให้ผู้ขับขี่มีความสุนทรีย์ในการเดินทางมากขึ้น อัตราทดอันละเอียดอ่อนของเกียร์ 8 สปีดเหมาะสมกันมากกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 กระบอกสูบที่มีเรี่ยวแรง 204 แรงม้าในด้านความนิ่มนวล ทั้งจากการออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปจนถึงการขับขึ้นลงทางลาดชัน เกียร์ลูกนี้ทำให้เจ้า F10 เป็นรถที่เร็วและคล่องตัวมากคันหนึ่งในกลุ่มซาลูนขนาดกลาง และจะเร็วมากยิ่งขึ้นไปอีกระดับเมื่อผู้ขับปรับไปที่โหมด Sport




บ่ายวันอาทิตย์กับการเก็บภาพเจ้า F10 523i Highline เป็นครั้งสุดท้ายที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ของบริษัท Heliluck Aviation Services ย่านบางใหญ่ซึ่งผมเข้าร่วมกับน้องๆ ในกลุ่ม bmwsociety ในการพบปะสังสรรค์ของเพื่อนๆ ที่ใช้รถ BMW ทุกรุ่น ถือเป็นมิตติ้งที่จัดเป็นประจำแทบจะทุกเดือน หลังจากได้ขับทดสอบมากว่า 5 วันแล้วก็สรุปได้ว่า รถ BMW 523i Highline คือรุ่นที่ดีที่สุดของ Series 5 F10 เครื่องยนต์เบนซินหากไม่นับรวมเอาเจ้า M5 ที่จะออกขายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ สิ่งที่โดดเด่นมีมากจนบรรยายไม่หมดตั้งแต่รูปทรงที่ดูดี เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังกับช่วงล่างพัฒนามาใกล้ถึงจุดสูงสุดของคำว่า "สมบูรณ์แบบ" ภายในที่หรูหราทุกกระเบียดนิ้วจากการเลือกใช้วัสดุเกรดสูง หากไม่นับรวมเอาราคาค่าตัว 4.2 ล้านบาทของมันเข้าไว้ด้วยกัน สมรรถนะที่โดดเด่นเหนือรถคู่แข่งในทุกประตูจะทำให้มันกลายเป็นรถยนต์ขนาดกลางที่มีความน่าใช้งานเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นหลักของ BMW คือวิธีการที่ตัวรถสร้างสมดุลอย่างเหมาะสมและเชื่อมโยงผู้ขับขี่ให้เข้ากับกลไกล้ำอนาคต สมรรถนะของความคล่องตัวแม้จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นในทุกมิติ ความนุ่มนวลของช่วงล่างที่เพิ่มมากขึ้นแต่ยังคงการยึดเกาะเอาไว้เหมือนเดิมตามสไตล์ของ BMW ต่างๆ เหล่านี้ หากท่านสนใจก็คงต้องไปทดลองของจริงด้วยตัวเองก่อนจะตัดสินใจซื้อแล้ว จะทราบดีว่าทั้งหมดที่บรรยายมาไม่เกินเลยความจริงไปแม้แต่น้อยครับ.


BMW 523i Highline Specifications
แบบ.........................................ซาลูนขนาดกลาง 4 ประตู
ผู้ผลิต......................................BMW เยอรมัน
ปริมาตรความจุกระบอกสูบ.....2.5 ลิตร 2497 ซีซี.
วาว์ล........................................4 วาว์ลต่อสูบ=24 วาว์ล พร้อมระบบ VALVETRONIC-Double-VANOS และระบบ EfficientDynamics
ระบบขับเคลื่อน.......................เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Sport พร้อมระบบ Dynamic Driving Control , Steptronic และ Electronic Gearshift Lever
อัตราส่วนกำลังอัด...................11.00 : 1
อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก.....110.10 แรงม้า/ตัน
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง...................หัวฉีดอีเล็คทรอนิกส์ EFI
กำลังสูงสุด..............................204 แรงม้าที่ 6300 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด...........................250 นิวตันเมตรที่ 2750-3000 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง..................................0-100 กิโลเมตรใน 8.5 วินาที
ความเร็วสูงสุด........................234.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง.........12.5 กิโลเมตร/ลิตร
ล้อและยาง..............................ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ยาง Run-Flat ของ Goodyear ขนาด 245/45/r18 96Y ทั้งสี่ล้อ
ระบบเบรค...............................ดิสเบรคทั้งสี่ล้อ พร้อมระบบช่วยเบรค
จานหน้า...................................330 มิลลิเมตร
จานหลัง...................................330 มิลลิเมตร
อุปกรณ์ภายนอก
-ไฟสูง-ต่ำแบบ Bi-Xenon ปรับตั้งแบบอัตโนมัติ
-ระบบควมคุมระยะการจอดหน้า-หลัง PDC
-ไฟตัดหมอก
-ระบบ Comfort Access
-กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมเลนส์ชนิดพิเศษ
-กระจกมองข้างแบบพับเก็บได้ ปรับองศาอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
-กระจกหน้าเคลือบ Laminate
-เซนเซอร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝน และปรับความสว่างของไฟแบบอัตโนมัติยามขับขี่
-แถบกรองแสงที่กระจกหน้า
อุปกรณ์ภายใน
-เบาะและภายในหุ้มหนังแท้ Dakota
-พวงมาลัยหุ้มหนังแท้แบบสปอร์ต พร้อม Shift Paddles
-ระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control
-ออนบอร์ดมอนิเตอร์ความคมชัดสูงขนาด 10.2 นิ้ว
-ระบบออนบอร์ดคอมพิวเตอร์ พร้อมหน้าจอสีขนาดเล็กบนแผงหน้าปัด
-ระบบควบคุมฟังก์ชั่นอัจฉริยะ iDrive พร้อมปุ่มอลูมิเนียมเข้าสู่เมนูหลัก
-เบาะคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ
-กระจกมองข้างและกระจกมองหลังแบบตัดแสง
-กระจกหน้าต่างไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์ป้องกันการหนีบ
-ระบบปรับอากาศดิจิตอลแบบแยกส่วนพร้อมชุดกรองอากาศภายในห้องโดยสาร
-ม่านบังแดดกระจกหลังแบบไฟฟ้า
-วิทยุ BMW Professional CD พร้อมสวิชท์ควบคุมที่พวงมาลัย
-ระบบเสียงแบบ HI-FI พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง
-ปลั้กเชื่อมต่อ AUX-USB
-ชุดเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบ Buletooth
-ชุดเชื่อมต่อ iPhone เพื่อรองรับการทำงานของระบบ iDrive
-ชุดไฟในห้องโดยสารด้านหลัง Ambient
-ผ้าหุ้มหลังคา Anthracite
-ระบบแผนที่นำทางผ่านดาวเทียม
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย
-ประตูล็อกอัตโนมัติขณะขับขี่
-ระบบป้องกันการกระแทกด้านข้าง
-เซนเซอร์ปลดล็อกประตูและตัดการจ่ายเชื้อเพลิงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
-ระบบบังคับเลี้ยวแบบ Intergral Active Steering พร้อมกลไกควบคุมล้อหลัง
-ระบบพวงมาลัยแบบ Servotronic
-ถุงลมนิรภัยแบบ ID สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและหลัง
-ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและหลัง
-ระบบไฟส่องสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อกประตู
-ระบบความจำสำหรับตัวรถและกุญแจ พร้อมการบันทึกข้อมูลเมื่อเข้ารับบริการ
-ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์โดยไม่ต้องใช้กุญแจ
-ระบบป้องกันการโจรกรรม(ป้องกันการสตาร์ทเครื่องยนต์)
-ระบบชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอร์รีจากการเบรค Brake Energy Regeneration
-ระบบควบคุมเสถียรภาพของตัวรถ ABS/DSC/DTC/CBC
-ระบบช่วยเพิ่มแรงเบรคแบบอัตโนมัติ
-เบรคมือไฟฟ้าพร้อมห้ามล้อขณะเข้าเกียร์ว่างแบบอัตโนมัติ
-ชุดไฟเบรค Dynamic พร้อมไฟเบรค LED ดวงที่ 3
-ยาง Goodyear Run-Flat
-ป้ายสามเหลี่ยมฉุกเฉินพร้อมชุดปฐมพยาบาล
มิติตัวถัง
ความกว้าง.................................1860 มิลลิเมตร
ความยาว...................................4899 มิลลิเมตร
ความสูง.....................................1464 มิลลิเมตร
ปริมาตรความจุถังเชื้อเพลิง........70 ลิตร
น้ำหนักตัวรถ...............................1825 กิโลกรัม
ราคา...........................................4,249,000 บาท
บริษัท Heliluck Aviation Services เอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายภาพ
Arcom Roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom