สักวันหนึ่งเราอาจถูกชาวต่างดาวบุกโลก (ภาพจาก World Invasion Battle : Los Angeles)
ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ เป็นไปได้หรือที่จะมีเพียงแต่ “เรา” เท่านั้น
สวัสดี ค่ะ ท่านผู้อ่านไทยรัฐ ซันเดย์ สเปเชียล โดยทีมงานต่วย’ตูน ทุกท่าน ในโลกเรานี้น่าจะมีคนอยู่ 3 ประเภท คือ คนที่เชื่อเรื่องชีวิตต่างดาว กับคนที่ไม่เชื่อ และอีกประเภทก็คือ คนที่ไม่แน่ใจ และรอคอยการพิสูจน์ ซึ่งก็ไม่มีใครบอกได้นะคะว่า ตลอดชีวิตอันแสนสั้นของเรา เมื่อเทียบกับความยาวนานและชราภาพของจักรวาล เราจะมีโอกาสได้เห็นการพิสูจน์นั้นหรือไม่ แต่ถึงกระนั้น ก็มีคนพยายามที่จะหาทางพิสูจน์อยู่ตลอดเวลา
ริชาร์ด ฮูเวอร์
หลายร้อย หรืออาจจะถึงหลายพันปีที่ผ่านมา มีผู้พยายามจะค้นหาหลักฐาน และคำบอกเล่าต่างๆ ที่อาจจะแสดงให้เห็นว่า เคยมีมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกของเรา และส่วนใหญ่ที่เป็นข่าว ออกมา “พวกเขา” (หากมีจริง) ก็พยายามที่จะทดสอบ ทดลองสิ่งต่างๆบนโลกนี้ เช่น “ขอยืม” ตัวมนุษย์ไปทดลอง รวมถึงนำวัตถุต่างๆบนโลกกลับไปทดสอบ ซึ่งจะว่าไป ก็ไม่ต่างอะไรกับตอนที่มนุษย์ ตัวเล็กๆ จากโลกของเราไปเยือนดวงจันทร์ ที่ก็ได้โอกาสเก็บก้อนหินจำนวนมากกลับมาวิเคราะห์ด้วย
ดัง นั้น หากพวกเขามีจริง ก็ไม่แน่ว่ากำลังศึกษา ทดลองอะไรต่อมิอะไรบนโลกเราอยู่ เช่น โลกนี้น่าอยู่หรือเปล่า หากในอนาคต พวกเขาอยากจะอพยพกันมาอยู่ที่นี่ จะสามารถอยู่ได้ไหม!!
...
ภาพจำลองขณะที่จรวดของนาซาพุ่งเข้าชน ดวงจันทร์ เพื่อพิสูจน์การมีอยู่ของ “น้ำ”.
แหม...อย่า ตกใจไปเลยค่ะ เพราะแนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มนุษย์เราเอง เดี๋ยวนี้ก็มีแนวคิดที่จะไปตั้งอาณานิคมบนดาวอื่นๆกันมากขึ้น ด้วยความเชื่อที่ว่า อีกไม่นานประชากรโลกจะล้นเกินไป ดังนั้น รุ่นลูก รุ่นหลานของเรา อาจจะต้องไปบุกเบิกชีวิตบนดาวดวงอื่น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า น่าจะเริ่มจากดาวบริวารของเรา คือ ดวงจันทร์เป็นแห่งแรก
แต่ การไปอยู่นอกโลกไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกค่ะ ขนาดดวงจันทร์ที่ว่า มีความคล้ายคลึงกับโลกเรามากแล้ว แต่ก็ยังขาดสิ่งจำเป็น สำหรับชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ของสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย คือ อากาศ และนํ้า
ภาพจำลองการก่อตั้งอาณานิคมบนดาวดวงอื่น.
บรรดา หัวกะทิขององค์การบริหารการบินและ อวกาศสหรัฐอเมริกา (นาซา) ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านอวกาศที่สำคัญที่สุดของโลก ได้พยายามครุ่นคิดหาทางไปตั้งอาณานิคมบนดวงจันทร์กันมานาน แล้ว และเมื่อปลายปี พ.ศ. 2552 นาซาก็ได้ปฏิบัติการยิงจรวดเข้าใส่ปากปล่องอุกกาบาตที่ขั้วใต้ ของดวงจันทร์ เพื่อหวังจะกระแทกพื้นส่วนที่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นนํ้าแข็ง จะได้พิสูจน์กันให้เห็นชัดๆว่า มีนํ้าจริงหรือเปล่า แล้วก็พบสิ่งที่ต้องการเข้าจริงๆ
การกระแทกอย่างรุนแรง นั้น ทำให้พิสูจน์ได้ชัดเจนว่ามี “นํ้า” บนดวงจันทร์ แต่ด้วยสภาพบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่ผ่านมานับพันล้านปี ทำให้นํ้ากลายเป็นนํ้าแข็ง การค้นพบนี้ ทำให้มีความหวังว่า การไปตั้งอาณานิคมบนดวงจันทร์ ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไปนัก และนาซาก็กำหนดเป้าหมายที่จะไปดวงจันทร์กันอย่างเป็นเรื่อง เป็นราวอีกครั้งใน ค.ศ. 2020 เพื่อเตรียมการสร้างอาณานิคม (มีแนวคิดที่หลากหลายว่า ทำไมจึงมีนํ้าบนดวงจันทร์ นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า ดวงจันทร์เคยมีน้ำอยู่ก่อนแล้ว แต่แปรสภาพไป แต่บางคนก็เชื่อว่าน้ำมาจากบรรดาดาวหางต่างๆ ที่วิ่งเข้าชนดวงจันทร์ และทิ้งน้ำเอาไว้)
...
ร่องรอยสิ่งมีชีวิตที่ฮูเวอร์เชื่อว่ามาจากต่างดาว.
นอกจาก ดวงจันทร์แล้ว มีการวิเคราะห์กันว่า ดาวพุธ ก็น่าจะมีน้ำสะสมอยู่ที่ขั้วดาวในลักษณะเดียวกันกับดวง จันทร์ แต่ที่แน่นอนที่สุด เห็นจะเป็นดาวอังคาร ซึ่งนาซาได้ส่งรถหุ่นยนต์สำรวจ ชื่อ สปิริตและออพพอร์จูนิตี้ ไปวิ่งเล่นมาตั้ง
นาน และค้นพบอย่างชัดเจนถึงร่องรอยของน้ำ สิ่งจำเป็นที่สุดสิ่งหนึ่งของชีวิต
การ เสาะหาทั้งหมดนี้ ทำให้เรารู้ได้ชัดเจนว่าในอนาคต การอพยพเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แต่ถึงแม้จะมีร่องรอยของน้ำอยู่ในดาวหลายดวง ก็ยังไม่ได้หมายความว่า จะสามารถนำน้ำมาใช้ได้ทันที แต่ต้องผ่านกระบวนการอีกมาก ที่ชัดเจนที่สุดคือในกรณีน้ำที่ กลายเป็นน้ำแข็งบนดวงจันทร์นั้น ก็ต้องไปละลายน้ำแข็งก่อน และน้ำแข็งก้อนมหึมาก็ไม่ใช่เรื่อง ง่าย ดังนั้น แม้จะรู้ว่ามีน้ำแน่นอนบนดวงจันทร์ และดาวอังคาร แต่นักวิทยาศาสตร์ของนาซา ก็คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะแก้ปัญหาอีกสารพันได้
...
รถหุ่นยนต์สำรวจดาวอังคาร.
เห็นอย่างนี้แล้ว ทำให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง World Invasion Battle : Los Angeles ที่กำลังจะเข้าฉาย ในเรื่องนี้ มีเอเลี่ยนต่างดาวบุกมาที่โลกเรา ทำให้เกิดการต่อสู้กันยกใหญ่ เพราะสิ่งที่ชาวต่างดาวต้องการ ไม่ใช่ไมตรีจิต ไม่ใช่มิตรภาพ แต่เป็น “น้ำ” ที่พลโลกของเราเองก็หวงแหน เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องน่าคิดเหมือนกันว่า ในขณะที่เราเองก็พยายามไปหาน้ำบนดาวดวงอื่น และเราคิดว่า เราพอจะหาน้ำเพื่อให้คนจากโลกไปอยู่อาศัยได้นั้น มันจะเป็นการไป “รบกวน” ระบบนิเวศน์ดั้งเดิมของดาวดวงนั้นๆหรือเปล่า และที่สำคัญจะเป็นการไป “แย่ง” น้ำมาจากสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงนั้นๆ ที่แม้เราจะยังไม่พบว่ามี แต่อาจจะมีชีวิตและต้องการใช้น้ำเช่นเดียวกับเราหรือเปล่า แผนการตั้งอาณานิคมของนาซา จะเป็นการไปแย่งทรัพยากรอันมีค่าของชีวิตรูปแบบที่เราไม่ รู้จักหรือไม่ นี่เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันในระยะยาว
แต่ ในทางกลับกัน มีนักคิดหลายท่านตั้งทฤษฎีว่า อันที่จริง พวกเรามนุษย์โลกนี่ แหละ ที่เป็นสิ่งแปลกปลอมของโลกใบนี้แต่ไหนแต่ไร เพราะพวกเราเองอาจจะไม่ใช่ผลผลิตของดาวเคราะห์สีน้ำเงินดวงนี้ เราอาจจะมาจากที่อื่น และมาแย่ง มาใช้ทรัพยากรของโลกนี้จน โลกกำลังทนไม่ไหว และเกิดภัยธรรมชาตินานัปการในขณะนี้
...
ภาพจากกล้องของรถหุ่นยนต์สำรวจดาวอังคาร.
เรื่อง หนึ่งที่อาจจะเป็นการพิสูจน์ว่า สิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ เป็นผลผลิตมาจากที่อื่น จากอวกาศอันไกล โพ้นคือการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ของนาซาเอง โดยริชาร์ด ฮูเวอร์ นักชีววิทยาอวกาศ ศูนย์การบินอวกาศมาร์แชล ได้ออกมาเปิดเผยผ่านทางวารสารเดอะ เจอร์นัล ออฟ คอสโมโลจี เมื่อมีนาคมที่ผ่านมานี้เองว่า ได้พบหลักฐาน “ชีวิตต่างดาว” ในรูปของ “ฟอสซิลแบคทีเรีย” จากอุกกาบาตที่พบบนโลกเรานี่แหละ
อุกกาบาต ที่ใช้ศึกษามี 3 ดวง คาดว่าทั้งหมดมากับดาวหาง โดย 2 ใน 3 ถูกค้นพบในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ. 1806 และ ค.ศ. 1864 ส่วนอีกดวงหนึ่งมาจากแทนซาเนีย ในปี ค.ศ. 1938
สิ่งที่ฮูเ วอร์พบในอุกกาบาตมีลักษณะคล้ายแบคทีเรียที่ปะปนกันวุ่น และน่าจะอยู่กันมาเป็นล้านๆปีแล้ว ทำให้ฟันธงได้ว่า แบคทีเรียที่อาจจะมากับดาวหาง หรืออุกกาบาตนี่แหละ ที่น่าจะเป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ และนั่นก็เป็นการสนับสนุนทฤษฎีที่ว่า ก่อนที่โลกเราจะมีสิ่งมีชีวิต โลกนี้เคยแห้งแล้ง ไร้ชีวิตมาก่อน จนได้ชีวิตเล็กๆที่มาจากอวกาศที่พัฒนาขึ้นมาเป็นสิ่งมีชีวิต ขนาดที่เราเห็นในปัจจุบัน หลังจากผ่านไปหลายล้านปี
อย่างไร ก็ตาม นักวิทยาศาสตร์อีกมากก็ยังไม่ยอมรับผลการวิจัยของฮูเวอร์ โดยเฉพาะนาซา ต้นสังกัดของฮูเวอร์เอง ที่ก็สงวนท่าทีออกไปในทางไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ ซึ่งอาจเป็นเพราะใน ค.ศ. 1996 นาซาเคยประกาศการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ว่า อุกกาบาตจากดาวอังคารที่พบในทวีปแอตาร์กติกา มีสิ่งมีชีวิตต่างดาวติดมาด้วย แต่ต่อมาภายหลังก็มีผลวิจัยที่แย้งออกมาว่า ข้อพิสูจน์นั้นผิดพลาด ทำเอานาซาหน้าแหกไปหลายนิ้ว (รวมถึงอดีตประธานาธิบดีคนดังของสหรัฐฯคือ บิลล์ คลินตัน ที่ออกมาเป็นผู้ค้นพบนี้ก็หน้าแตกไปด้วย) ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากบอกว่า เป็นเรื่องยากมากที่จะระบุความชัดเจนเรื่องฟอสซิลแบคทีเรียใน อุกกาบาต เพราะเมื่ออุกกาบาตเหล่านี้อยู่บนโลกมานาน ก็อาจเกิดการปนเปื้อนจากจุลชีพบนโลกของเรานี่เองก็เป็นได้
สรุป แล้ว ทุกอย่างยังคงเป็นเพียงการคาดเดา เป็นการตั้งทฤษฎีที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ชัด แต่เราก็ยังคงตามหา ทั้งตามหาว่าต้นกำเนิดของเรามาจากไหนเสาะหาว่า มีชีวิตอื่นใดในจักรวาลนี้อีกหรือเปล่า และค้นหาว่าจะมีที่ไหนให้เราอพยพไปได้ในอนาคต...การตามหา นี้ยังดำเนินต่อไป ท่ามกลางความสงสัยที่ว่า ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้เป็นไปได้หรือที่จะมีเพียงแต่ “เรา” เท่านั้น.
"ทีมงานนิตยาสาร "ต่วย"ตูน"