การเดินทางของความรักของคนแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน การเริ่มต้นจนถึงปลายทางเมื่อมีความสุขสมหวัง ก็ต้องมีอุปสรรคตามมาควบคู่กันอยู่เสมอ ผู้หญิงอย่างคุณเจ-วรกร จาติกวณิช ก็เช่นเดียวกัน วันวานเธออาจต้องผ่านมรสุมความรักมาบ้าง แต่ในวันนี้ปลายทางชีวิตคู่ของเธอ เริ่มต้นขึ้นกับขุนคลัง เจ้าของฉายาหล่อโย่งอย่างคุณกรณ์ จาติกวณิช ซึ่งทุกวันนี้ทั้งคู่ใช้ชีวิตรักร่วม 10 กว่าปีแล้ว

ยังคงเป็นความรักที่ไม่เคยเก่าในความรู้สึกของคุณเจ-วรกร ซึ่งวันนี้ได้มาเปิดอกพูดคุยให้กับทีมข่าว 'ไทยรัฐออนไลน์' ได้ฟังถึงที่บ้าน ถึงการเริ่มต้นกับความรักกับคุณกรณ์ จาติกวณิชที่เกิดขึ้นเมื่อตอนที่ได้ทำงานร่วมกัน

"เจอคุณกรณ์ครั้งแรก เจไปทำงานที่เดียวกับคุณกรณ์ ตอนนั้นเขาเป็นกรรมการผู้อำนวยการอยู่ แต่เจก็ไม่ได้รู้ประวัติเขาเยอะหรอกค่ะ แต่คิดว่าผู้ชายส่วนมากถ้าอยู่ในระดับตำแหน่งนี้ก็ต้องแก่แล้ว และแต่งงานมีครอบครัวแล้ว แต่พอเจอตัวจริงก็เห็นว่า เออเขายังไม่แก่แค่นั้นเองค่ะ แต่ก็มีความคิดว่าน่าจะแต่งงานแล้วอยู่ดีนะ พอวันนั้นที่เจอ เจก็ไปหาคุณลุงต่อ คุณลุงก็บอกว่าคุณกรณ์แก่กว่าเจแค่ 2 ปี และยังไม่ได้แต่งงาน แต่บอกว่าเขาจะมีผู้หญิงเยอะ"

...

เป็นครั้งแรกที่ได้พบกัน ซึ่งในขณะนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังไม่ได้พัฒนาอะไรมาก จนกระทั่งความบังเอิญได้พาให้คุณเจ และคุณกรณ์มาเจอกันอีกครั้งที่โปโลคลับ  และกลายเป็นที่แรกที่ทำให้ทั้งคู่ได้ออกเดทกันด้วย

"ออกเดทครั้งแรกก็ที่โปโลคลับค่ะ คือเจพาลูกไปว่ายน้ำ คุณกรณ์เขาไปเล่นเทนนิส พอดีมาเจอกันเขาก็ทักเจ คุณกรณ์ก็เลยชวนเจว่า วันหลังก็มาเล่นเทนนิสด้วยกัน พอมาเจอที่ทำงานคุณกรณ์เขาก็ถามว่า เอาชุดมาหรือเปล่า แต่เจไม่ได้เตรียมชุดมา เลยบอกเขาว่าวันหลังให้บอกล่วงหน้าหน่อย เขาเลยขอเบอร์ เพื่อจะได้โทรไปบอกว่าวันไหนจะไปเล่น ก็เลยเริ่มคุยกันทางโทรศัพท์กัน นัดกันไปตีเทนนิส ตอนนั้นรู้สึกเกร็งมาก เพราะเขาเป็นเจ้านาย และตัวใหญ่ด้วย เห็นเขาเล่นกับผู้ชายเราก็กลัว ว่าเขามาเล่นกับเราตัวหยอง เล็กๆ กลัวเขาจะรำคาญ แต่ปรากฏว่าเขาไปตั้งแต่เย็น แล้วมีเวลามาเล่นกับเราชั่วโมงหนึ่ง เสร็จก็ไปอาบน้ำแต่งตัว เขาก็ชวนไปหาอะไรทาน ก็เลยได้นั่งคุยกันหลายๆ เรื่อง ไม่ได้มีท่าทีขี้หลีเลยค่ะ เพราะคุณกรณ์เขาไม่ใช่คนจีบผู้หญิงแบบนั้น"

จากเดทแรกในครั้งนั้น แน่นอนว่าความรู้สึกของทั้งสองคน อาจไม่ใช่การเป็นเพื่อนร่วมงาน หรือเจ้านายกับลูกน้องกันธรรมดา แต่สำหรับฝ่ายคุณเจนั้นบอกว่ายังคงมีกำแพงกั้นอยู่ การจะเปิดประตูหัวใจอีกครั้งคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ

"เจบอกตัวเองอยู่่ตลอดว่าไม่กล้ารักเขา เพราะได้ยินมาว่าคุณกรณ์มีผู้หญิงชอบเยอะ เลยไม่อยากผิดหวัง เพราะเจก็เคยแต่งงานมาแล้วด้วย ตอนนั้นเลยคิดแค่ว่าคุยกัน คบกันธรรมดา จนคบกันได้ประมาณ 1 ปี มีวันหนึ่งเขาบอกรักเรา ตอนนั้นไปชะอำกัน ตอนนั้นเราก็ไม่มั่นใจนะว่าที่เขาพูด ละเมอหรือเปล่า เพราะเขาเป็นไข้อยู่ด้วย แต่อีกใจเราก็คิดว่าตัวเจเองก็อายุ 30 กว่าแล้ว ถ้าผู้ชายเขาไม่คิดอะไร เขาคงไม่หมกมุ่นกับอะไรแบบนี้ เพราะเวลาไปไหนก็โทรมาบอกเจตลอด ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ต้องทำ และของแบบนี้ไม่ต้องพูดเราก็รู้แล้ว"

...

ประตูหัวใจที่ปิดตายจากรักครั้งก่อน ได้เริ่มแง้มออกมาทีละนิด จนในที่สุดความรักของคุณเจกับคุณกรณ์ก็เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้หัวใจได้ชุ่มชื่นอีกครั้ง แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ตัวคุณเจหนักใจมาก เพราะเธอมีลูกมาก่อนแล้วถึง 2 คน

"คุณกรณ์ชวนเจให้มาอยู่ด้วยกัน เพราะที่บ้านเขามีห้องนอน 3 ห้อง  แต่เจเองก็เกรงใจฝ่ายคุณพ่อคุณแม่ของเขา ไม่รู้ว่าท่านจะคิดอย่างไง เพราะเจเคยแต่งงานมาแล้ว ในที่สุดทางคุณกรณ์เลยออกมาอยู่ด้วยกันข้างนอก ต่างคนต่างย้ายมาอยู่ด้วยกัน"

พอได้เริ่มมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ ทั้งคุณเจ และคุณกรณ์ต่างก็ต้องปรับตัวเข้าหากันเหมือนกันสามีภรรยาทั่วไป หลายครั้งที่มีอุปสรรคเข้ามาทำให้ทั้งคู่ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วคุณเจบอกว่า ต้องขอยกความดีให้ฝ่ายชาย เพราะเป็นคนที่ใจเย็นมากกว่าตัวเองหลายเท่า

"ชีวิตของเราสองคนเหมือนคู่ปกติเลยค่ะ ไม่ได้รักกัน สวีทกันตลอดเวลาเหมือนที่คนอื่นเข้าใจ และชอบคิดว่าเป็นคู่ตัวอย่าง เพราะจริงๆ แล้วก็มีบ้างที่ทะเลาะกัน แต่เราสองคนก็ช่วยกันประคับประคองกันมาจนวันนั้น ซึ่งทางคุณกรณ์เองเขาใจเย็นกับเจมาก อย่างเจพื้นฐานครอบครัวอาจไม่ค่อยสมบูรณ์แบบ พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เด็ก และโดยส่วนตัวก็ผ่านการแต่งงาน และหย่าร้างมาแล้วด้วย เลยดูเหมือนไม่ค่อยให้ความสำคัญ

แต่คุณกรณ์พ่อแม่เขาอยู่ด้วยกัน เขาก็เลยมีความมั่นคง และเห็นความสำคัญของชีวิตคู่ เจว่าส่วนนี้มันมีผลกับเด็กด้วย ถ้าพ่อแม่เป็นตัวอย่างให้เขาดี อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ลูกก็จะมีความคิดแบบนี้ คุณกรณ์เองเวลาเขามีอะไรก็จะใจเย็น และอดทนมากกว่าเจเยอะ ต้องยกความดีให้เขาค่ะ ที่ประคับประคองส่วนเรื่องส่วนตัวก็เหมือนเดิมค่ะ เราก็ไม่ก้าวก่ายกันเดินไปพร้อมๆ กันมากกว่า"

...

สิ่งหนึ่งที่คิดถึงเสมอ แม้ว่าตัวเองจะได้เริ่มต้นชีวิตคู่อย่างมีความสุขอีกครั้ง ก็คือลูกชายทั้งสองคน ซึ่งคุณเจบอกว่าต้องคอยดูแลเป็นพิเศษ เพราะช่วงนั้นเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นทั้งคู่

"ในส่วนลูกๆ เจจะคอยเตือนเขาตลอด และดุมากด้วย เพราะถ้าคุณกรณ์เป็นพ่อแท้ๆ เราก็จะไม่มีความเกรงใจ แต่พอไม่ใช่ลูกเขาแต่เป็นลูกเราจะทำอะไรไม่ดี หรือจะทำอะไรที่เป็นการเสียชื่อเสียงก็จะต้องคอยดูแบบประกบเลยว่าอย่านะ ให้คิดมากๆ เลยว่าตอนนี้อาดอนกำลังทำอะไรอยู่แล้วก็อย่าให้เรื่องที่เหลวไหลไม่เป็นเรื่องมาเป็นประเด็นให้เขาต้องเสื่อมเสียด้วย เด็กๆ ก็จะคอยระวังชีวิต  แต่ลูกเจไม่ดื่มเหล้าไม่เที่ยว ไม่ว่าจะไปมีเรื่องอะไรตามภาษาเด็กที่ยังใจร้อนก็คือให้คิดและระวังนิดนึงเพราะเราไม่ใช่คนทั่วไปที่จะไปมีเรื่องกับใครแล้วคนจะมองว่ามันยุติธรรมได้ว่ามันวิวาทเฉยๆเรามีพ่อมีแม่เป็นอย่างนี้ก็เลยให้เขาคิดบ้าง

จนมีน้องจอมกับน้องแจมเพิ่มมาอีก เจก็เลยเป็นแม่ที่ดุไปเลย เพราะเขายังเด็กทั้งคู่ แถมชอบทะเลาะกันด้วย พอจะตีก็เลยตีทั้งคู่ ลูกสาวนี่ดื้อที่สุดเลย เพราะนิสัยเหมือนเจมาก แต่ตอนนี้ส่งเขาไปเรียนอยู่อังกฤษแล้วค่ะ ให้เขาได้ไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง เพราะถ้าอยู่บ้านมีคนทำให้ทุกอย่างเดี๋ยวเคยตัว ส่วนลูกชายของเจ คนโตเขาก็บวชเป็นพระอยู่ คนที่  2 ก็ไปเรียนอยู่ที่ออสเตรเลีย ตอนนี้เลยอยู่กับคุณกรณ์สองคน ก็ได้ทำอะไรได้มากขึ้น ยิ่งช่วงนี้งานคุณกรณ์เยอะค่ะ ไม่เหมือนช่วงแรกที่รับตำแหน่งเพราะคนจะคิดว่าไม่เกิน 6 เดือนก็คงออก แต่ปรากฏว่า 2 ปีแล้วงานเยอะมาก เวลามีอะไรที่เจช่วยได้ก็เลยได้ช่วยค่ะ"

...

ย้อนกับไปที่ความสวีทของทั้งสองคนกันต่อ เพราะทราบมาว่าทั้งคุณกรณ์ และคุณเจต่างคอยเติมความหวานให้กันอยู่เสมอ ไหนๆ วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ด้วย เลยต้องถามฝ่ายหญิงหน่อยว่า รัฐมนตรีคลังอย่างคุณกรณ์เวลาจะเซอร์ไพรส์ภรรยาสุดที่รักนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

"คุณกรณ์เขาไม่ค่อยให้ความสำคัญไม่ว่าวันเกิด วันวาเลนไทน์ วันลอยกระทง คือเขานึกอยากจะพาไปดินเนอร์เมื่อไหร่ก็พาไป เอาฤกษ์สะดวกมากกว่า คือเขาไม่โรแมนติกเลยนะ วันเกิดเจยังจำไม่ได้เลย และมีอยู่ปีนึงพ่อเจเอาถุงกอล์ฟมาให้เป็นของขวัญวันเกิด และวันนั้นเจก็ชวนคุณกรณ์ไปทานข้าวนอกบ้าน เขาก็ถามว่าเจอยากทานอะไร เจเลยบอกว่าอยากทานอาหารอิตาเลียน เขาก็บอกไม่เอาไปร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดสะพานเหลืองดีกว่า ส่วนอาหารอิตาเลียนเอาไว้โอกาสพิเศษแล้วกัน เจเลยไม่ได้ว่าอะไร แล้วสักพักเขาก็ถามเจว่าพ่อมาหาทำไม เจเลยบอกเขาว่าวันนี้เป็นวันเกิดเจ พ่อเลยเอาของขวัญมาให้ เท่านั้นแหละคุณกรณ์ทำหน้าช็อกอ้าปาก แล้วรีบเลี้ยวรถไปร้านอาหารอิตาเลียนเลยค่ะ (หัวเราะ)

แต่อย่างวันอื่นๆ เราสองคนพยายามทำให้เหมือนตอนที่คบกันแรกๆ ไปทานข้าวนอกบ้านกันบ้าง แต่ช่วงหลังๆ จะอยู่บ้านกันมากกว่า เพราะรถติดมาก ซึ่งมียู่ครั้งนึงวันวาเลนไทน์นี่แหละ เจเองก็รู้สึกดีมาก คุณกรณ์เขาไปจุดเทียนใต้ต้นไม้หน้าบ้าน และพยายามเรียกเราออกไป เจก็บอกออกไปทำไมยุงกัด แต่พอออกไป ก็เห็นแชมเปญแช่ในถังอยู่ มีเทียนตั้งอยู่ตรงขอบสระน้ำ เราก็นั่งกันอยู่ 15 นาทีค่ะ เพื่อนเขาก็มากันละเพราะมีอยู่ 2-3 คนยังไม่แต่งงาน แล้วไม่มีที่ไป ก็เลยมาทานข้าวกันที่นี่จนกลายเป็นประเพณีทุกปีไปแล้วค่ะ ตอนหลังๆ พวกที่แต่งงานแล้วหนีภรรยามาก็มี พาภรรยามาด้วยก็มี คืออยู่กันเต็มบ้านร่วม 10 กว่าคน"

ความรักที่ล่วงเลยมากว่า 10 ปี แน่นอนว่ามันสามารถการันตีได้ถึงความรักที่ทั้งคู่มีให้แก่กันมาโดยตลอด ซึ่งสิ่งที่หล่อเลี้ยงให้ทั้งคู่ยังคงเป็นสามีภรรยาได้อย่างราบรื่น และมีความสุขได้นั้น สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความรักที่ยังคงเหนียวแน่น และการเป็นภรรยาที่เข้าใจสามี สามารถเป็นทั้งคู่ชีวิต คู่คิดที่คอยช่วยเหลืออยู่เสมอ แม้ว่าผู้ชายคนนี้อาจไม่ใช่สเปกของตัวเองที่วาดฝันไว้ตั้งแต่แรกก็ตาม

"จริงๆ คุณกรณ์ไม่ใช่สเปกเจเลยนะ เจชอบผู้ชายหน้าตาดีแต่ไม่ต้องตัวใหญ่ขนาดนี้และดำขนาดนี้ก็ได้ คือไม่ใช่อะคะแต่ในที่สุดแล้วบางทีเจอผู้ชายหน้าตาดีแล้วเค้าจะดี คือจะบอกว่าผู้ชายหน้าตาดีเจชอบ แต่บางทีพอได้ไปคุยแล้วถ้ารู้สึกว่า โง่ ปากเหม็น เราก็ไม่เอาไง บางทีหล่อเพราะดูไกลๆ ก็มี แต่คุณกรณ์เขาเป็นคนฉลาด คนเก่ง แต่ไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์ และเขายอมรับในตัวเจ เวลาที่มีปัญหา เจได้คำปรึกษาที่ดีจากเขา ที่บางครั้งเจเองยังคิดไม่ได้เลยนะ อีกอย่างที่เจรู้สึกชอบเขาเพราะเป็นคนขยัน ทำงานหนักมาตลอดตั้งแต่อยู่แบงก์แล้ว พอกลับมาบ้านก็จะมีเรื่องเล่าให้เจฟังตลอด แล้วเขาก็จะมาถามเจเหมือนกันว่ามีอะไรเล่าให้เขาฟังบ้าง เจก็จะงงๆ บอกเขาไปว่าเจมีแต่เรื่องโง่ๆ (หัวเราะ) แมวกัดกับสุนัขบ้าง อะไรบ้าง แต่เขาก็บอกว่าอยากฟังอยู่ดี จะได้ลบเรื่องเครียดๆ

พอคุณกรณ์เข้ามาทำงานตรงนี้ เจเลยได้มาช่วยงานก็เป็นเรื่องของคู่สมรสรัฐมนตรี ซึ่งก็มีเรื่องเงินบริจาคที่ต้องเอามาบริหารจัดการด้วย ตอนนี้ก็มีเจ กับภรรยาคุณประสิทธิ์ ภัทรประสิทธิ์ ที่ต้องคอยรับผิดชอบบัญชี และจัดสรรให้กับวัด ก็เลยมีอะไรต้องปรึกษากันอยู่เรื่อยๆ เลยไม่เหงาค่ะ พอมีเวลาก็จะหากิจกรรมทำกัน ไปทานข้าว ตีกอล์ฟ นั่งดูทีวี อ่านหนังสือ"

การเป็นภรรยารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สำหรับคุณเจเลยกลายเป็นอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญ ที่จะต้องคอยช่วยงานในเวลาเฉพาะกิจบ้าง ซึ่งบางครั้งยังได้ตามคุณกรณ์ลงพื้นที่ด้วย แต่ไม่ว่างานจะมากขึ้นแค่ไหน เรื่องลูกๆ ทั้ง 4 คน คุณเจก็ยังเป็นห่วง ตามประสาของคนเป็นแม่ เพราะตอนนี้ทั้ง 4 คนไม่ได้อยู่ที่บ้าน

"ถึงตอนนี้เจจะมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น แต่ก็เป็นห่วงและคิดถึงเขาเหมือนกัน อย่างน้องจอมกับน้องแจม เขายังเด็กด้วย ก็ไปอยู่อังกฤษแล้ว แต่เจคิดว่าเป็นทางเลือกที่ถูกนะ เพราะเขาจะได้มีวินัยมากขึ้น ไม่สบายจนเคยตัว  แต่อย่างเวลาที่เจไปกับน้องจอมน้องแจม บางทีเขาต้องคอยห้ามเจเหมือนกัน เพราะคุณพ่อเขาแอบสอนว่าอย่าให้แม่ใช้เงินเยอะเดี๋ยวเหลือไม่ถึง (หัวเราะ) ส่วนลูกชายเจอีก 2 คนเขาโตแล้ว ก็ไม่ได้ห่วงเรื่องความเป็นอยู่เท่าไหร่ เพราะเชื่อว่าเขาดูแลตัวเองได้ แต่เรื่องปัญหาชีวิตตามประสาเด็กวัยรุ่นก็คงมีบ้าง เจก็จะคอยให้คำปรึกษาเขาตลอดทุกเรื่องอยู่แล้ว เลี้ยงแบบสบายๆ แต่อย่างที่บอกว่ามีดุนะ ไม่ตามใจค่ะ ลูกอยากได้รถก็ต้องผ่อนเอาเองนะ เจไม่ผ่อนให้ แต่ถ้าเป็นเรื่องปัญหาหัวใจ อันนี้เจก็จะปล่อยให้เขาตัดสินใจเอาเองค่ะ เจจะคอยดูอยู่ห่างๆ ก็มีบ้างที่มองผู้หญิงที่เขามาหาลูกเราเป็นยังไง เพราะอย่างลูกชายคนโต (พระแต๊งค์) เขาสเปกเดียวกับเจนะ คือชอบคนฉลาด อย่างแฟนคนล่าสุดเจว่าก็โอเคนะ เป็นผู้หญิงฉลาด และมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ที่บ้านก็รักเขาทุกคน แต่เขาสองคนอาจมีบางอย่างที่ไปกันไม่ได้เท่านั้นเอง"

กว่าจะรักกัน และกว่าจะเข้าใจกันให้อยู่กันอย่างมีความสุขได้นั้น ต่างต้องผ่านช่วงเวลาที่มีทั้งสุขและทุกข์ และสิ่งนี้จึงทำให้คุณเจหยิบมาสอนกับลูกๆ ซึ่งถือเป็นแง่คิดที่ดี สำหรับวัยรุ่นยุคนี้ด้วย

"เจว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาตินะคะ จะไปให้คำแนะนำอะไรมากก็ไม่ได้ อย่างเรื่องของลูกชายจะเป็นตัวอย่าง คือน้องแต๊งค์ (พระแต๊งค์) เวลาเขาเลิกกับแฟนก็จะมีครั้งสุดท้ายนี้ที่เขาเป็นฝ่ายเสียใจแต่ว่าก่อนหน้านี้จะเป็นผู้หญิงทั้งนั้น อย่างตอนที่เขามาลาบวชก็บอกเขาว่าต้องไปขออโหสิกรรมผู้หญิงที่เคยเสียใจเพราะเขามา ส่วนที่บอกจะสอนเด็กๆ ยังไง ก็คือ เด็กผู้หญิงที่เคยเป็นแฟนน้องแต๊งค์มาก่อนส่วนมากก็จะมาร้องไห้อยู่กับแม่ ก็จะต้องบอกว่ามันจะต้องใช้เวลา คือตอนแรกเสียใจเหมือนจะตายแต่ตอนหลังก็เห็นเขาไปได้ทุกคน และตอนนี้ก็ไม่มีวี่แววอะไร ตอนนั้นก็จะร้องไห้กันเยอะมันจะเป็นอย่างนี้ก็เลยอยากจะให้เขามีสติกันนิดนึง เสียใจได้แต่ว่าอย่าเพิ่งคิดสั้นอะไรมากไปกว่านั้นเพราะว่าจริงๆ แล้วคนที่เป็นห่วงและรักก็คือพ่อแม่ ส่วนแฟนเพิ่งโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้คบกันในระยะสั้น แล้วก็คล้ายๆ มันเป็นความหลงมากกว่า"

จากวันนั้นที่ได้เริ่มทำความรู้จัก จนกระทั่งมาเป็นครอบครัว มีลูกๆ ที่น่ารัก มีบ้านที่อบอุ่น และรักกันอย่างวันนี้ คุณเจบอกว่าคงไม่ใช่แค่เพราะต้องอดทน หรือประคับประคองเวลาที่ไม่เข้าใจกันอย่างเดียว แต่เป็นเพราะคุณเจนั้นรัก และอยากที่จะอยู่กับผู้ชายคนนี้มากที่สุดตลอดชีวิต

"เจชอบอยู่กับเขา เพราะจะรู้สึกอบอุ่นมาก เขาจะชอบชวนเจไปนั่นที่นี่ บางที่เจก็ไม่เคยไปด้วย บางทีชวนไปลงพื้นที่วันละ 6-8 แห่ง เจก็ไปนะ แต่จะนั่งข้างหลังเขา เราก็ได้ไปเห็นบรรยากาศ และพอกลับบ้านก็มาคุยกับเขาได้ เพราะเขาจะชอบบอกว่าขี้เกียจเล่า ให้เจไปดูด้วยกันเลยดีกว่า เราเลยมีเรื่องคุยกัน ถามว่าสนุกไหม คงไม่หรอก เพราะเป็นงานทั้งนั้นเลยค่ะ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่กับเขา".