อรุณรุ่งที่เมืองปากเซ.
ผ่านพ้นปีใหม่มาไม่กี่วัน ได้รับเชิญจาก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม นำโดย พี่ปุ๋ย-สร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผอ.สนข. ให้ร่วมทริปกับคณะผู้บริหารและสื่อมวลชน ไปมอบห้องสมุดพร้อมอุปกรณ์การเรียนให้กับ ร.ร.บ้านทุ่งหนองบัว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ก่อนเดินทางต่อไปสำรวจเส้นทางคมนาคมขนส่ง และการค้าชายแดน ในพื้นที่แขวงจำปาสัก สปป.ลาว ศูนย์กลางเศรษฐกิจของลาวใต้ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการวางเส้นทางรถไฟรางคู่จากสถานีวารินชำราบมายัง ด่านช่องเม็ก ตามที่ สนข. ได้ศึกษาและทำแผนแม่บทไว้ โดยการขนส่งระบบราง จะช่วยประหยัดพลังงาน ส่งเสริมการค้าขายชายแดน และเป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ
...
พ้นจากด่านช่องเม็ก มาตามถนนลาดยางอย่างดีเพียงแค่ 42 กม. เราก็เข้าสู่ เมืองปากเซ เมืองหลวงของแขวงจำปาสัก ปากเซวันนี้กำลังมีการก่อสร้างโรงแรมขนาดใหญ่และสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ รองรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามากันมากขึ้น สถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆในปากเซ อาทิ "วังเจ้าบุญอุ้ม" ของอดีตกษัตริย์ลาว ปัจจุบันเป็นโรงแรมแสนคลาสสิก "วัดถ้ำไฟ" มีรอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ "วัดหลวง" วัดเก่าแก่ที่สุดของเมืองปากเซ เป็นสถานที่เก็บอัฐิของอดีตนายกฯลาว ตัวเมืองปากเซมีแม่น้ำสองสายไหลผ่าน คือแม่น้ำเซโดนและแม่น้ำโขง บรรยากาศริมน้ำยามเย็นน่าชมยิ่งนัก ส่วนใครที่อยากสัมผัสวิถีชีวิตชาวเมืองปากเซ ต้องไม่พลาด "ตลาดเช้าดาวเรือง" ที่มีทุกอย่างที่คุณต้องการ ยกเว้น...ของฟรี
ห่างจากเมืองปากเซลงไปทางใต้ 33 กม. จะเข้าสู่เขต เมืองจำปาสัก สถานที่ตั้ง ปราสาทวัดภู อารยธรรมขอมอายุนับพันปี จนได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ปราสาทแห่งนี้เดิมเป็นเทวลัยในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย แต่ตอนนี้กลายเป็นวัดในพุทธศาสนา มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่กลางองค์ปรางค์ประธาน
ช่วงหนึ่งของบันไดนาคที่ทอดยาวสู่ยอดเขา จะมี "ต้นจำปา" หรือต้นลั่นทม ดอกไม้ประจำชาติลาว ขึ้นอยู่ แต่ละต้นใหญ่โตอายุหลายร้อยปี ว่ากันว่าใคร ที่พบดอกจำปา 4 กลีบ หรือ 6 กลีบ จะมีโชคดีเรื่องความรัก อธิษฐานแล้วจะสมปรารถนา เพราะปกติดอกจำปาจะมี 5 กลีบ จึงไม่แปลกหากจะเห็นหนุ่มไทยสาละวนอยู่ใต้ต้นจำปาที่นี่ แต่ร้อยทั้งร้อยต่างกินแห้ว สงสัยจะโดนสาวลาวหน้าหวานหลอกอำเล่นซะมากกว่า เมืองจำปาสักยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดของลาว จนคนทั่วโลกใฝ่ฝันอยากจะมาเห็นความยิ่งใหญ่ด้วยตาตัวเอง นั่นคือ น้ำตกหลี่ผี และน้ำตกคอนพะเพ็ง ที่ตั้งอยู่ในดินแดนพันเกาะกลางแม่น้ำโขง มีนามว่า สี่พันดอน แต่ในบรรดาเกาะแก่งนับพันๆเกาะ มีเพียงเกาะดอดเด็ค และเกาะดอนคอนเท่านั้นที่ถูกเชื่อมไว้ด้วยสะพานรถไฟสายเก่า ซึ่งสร้างในสมัยฝรั่งเศสเข้ามาตักตวงทรัพยากรของลาว
...
การเดินทางไปน้ำตกหลี่ผี ต้องลงเรือที่ท่าเรือบ้านม่วง นั่งเรือข้ามแม่น้ำโขง ซึ่งบางช่วงกว้างถึง 12 กม. ไปขึ้นที่ท่าเรือบ้านดอนคอน แล้วนั่งรถต่อไปยังท้ายเกาะเพื่อชมน้ำตกชื่อพิลึก ไกด์ลาวบอกว่าชื่อนี้มีที่มาอย่างเจ็บปวด "หลี่" เป็นเครื่องมือจับปลา ที่ชาวบ้านวางดักไว้กลางลำน้ำ ส่วน "ผี" คือร่างไร้วิญญาณของคนลาวที่ถูกฆ่าตายในยุคฝรั่งเศสครองเมือง เพราะไม่ยอมทำตามคำสั่ง เมื่อตายแล้วจะนำศพโยนทิ้งลงแม่น้ำโขงให้ไหลไปตามกระแส น้ำจนมาติดที่หลี่ดักปลา
ไม่ไกลกันนักจะ ถึง "น้ำตกคอนพะเพ็ง" ซึ่งได้รับสมญานามจาก นักเดินทางว่า "ไนแองการ่าแห่งเอเชีย" ณ จุดที่มหานทีทั้งสายทิ้งตัวลงสู่หุบเหวเบื้องล่างอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมจะกวาดทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้พินาศ เห็นแล้วยอมรับเลยว่ายิ่งใหญ่สมคำร่ำลือจริงๆ ยิ่งช่วงนี้เข้าฤดูหนาว กระแสน้ำขาวใสไหลแรง ตัดกับท้องฟ้าสีคราม ดูเหมือนน้ำตกจากสรวงสวรรค์ แม้เสียงน้ำจะดังโครมครามน่าสะพรึงกลัว แต่ไม่ได้สร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงให้ผู้มีวิถีผูกพันกับสายน้ำ ชาวบ้านยังลงทอดแหหาปลาอย่างสบายอารมณ์ ไม่ใช่ไม่กลัว เพียงแต่พวกเขารู้จักเคารพต่อธรรมชาติ ไม่ขัดขืน ไม่ต่อต้าน และเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างเข้าใจ ซึ่งกันและกัน
...
ในแขวงจำปาสักยังมีทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่น่าดูน่าชมอีกมาก อาทิ น้ำตกตาดผาส้วม น้ำตกตาดเยื้อง น้ำตกตาดฟาน อุทยานบาเจียง-แหล่งรวมวิถีชีวิตชนเผ่า และอีกหลายสถานที่ที่เรายังไม่มีเวลาไปสัมผัส แต่ ความประทับใจในการมาเยือนดินแดนลาวใต้ทริปนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวเท่านั้น ความใสซื่อของเจ้าบ้านส่วนใหญ่ที่ยังไม่แปรเปลี่ยน แม้กระแสวัฒนธรรมต่างแดนจะถาโถมเข้ามาจากทั่วสารทิศ แต่มันไม่อาจสั่นคลอนรากเหง้าแห่งความเป็นตัวตนของคนลาว ไปได้ หันไปทางไหนยังได้ยินเสียงทักทาย "สะบายดี" ที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มจริงใจ มันช่างอบอุ่นในหัวใจผู้มาเยือนไม่จืดจาง ซึ่งเราหวังว่าจะคงอยู่เช่นนั้นตลอดไป ขอบคุณมิตรภาพจากผู้ร่วมทาง และขอบคุณยิ่งกว่า สำหรับผู้ที่อยู่ในความทรงจำ.
...