สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงาน "ประชุมสัมมนาวิชาการหม่อนไหมอาเซียน" และ "งานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย" ครั้งที่ 5 ประจำปี 2553 จัดโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา โดย นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการประชุมหม่อนไหมอาเซียนปีนี้จัดขึ้นในหัวข้อ "การเลี้ยงไหมกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" เพื่อแลกเปลี่ยนและระดมความคิดเห็นในเรื่องผลกระทบของสภาพภูมิอากาศต่อการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม พร้อมกับจัดให้มีกิจกรรมประกวดผ้าไหมในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย ส่วนงานตรานกยูงพระราชทาน สืบสานตำนานไหมไทย จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อกิจการหม่อนไหมของไทย และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การใช้เครื่องหมายรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ไหมไทย ตรานกยูงพระราชทาน

...

_

ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีรับสั่งเปิดงานตอนหนึ่งว่า ผ้าไหมเป็นสินค้าสำคัญเป็นสายใยนำผู้คนจากซีกโลกตะวันออกและตะวันตกมาพบปะรู้จักกัน ผ้าไหมยังเป็นการแสดงอารยธรรมของชนชาติ ไม่ได้เป็นเพียงแค่อาภรณ์ประดับกาย คนไทยรู้จักปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมายาวนาน และกลายเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นผู้นำการใช้ผ้าไหมและทรงส่งเสริมราษฎรให้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ซึ่งนับเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่ผ้าไหมให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นด้วย

จากนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ได้ทอด พระเนตรการแสดงแฟชั่นโชว์ชุดผ้าไหมที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชาวเบลเยียม และชาวไทย พร้อมกับทอดพระเนตรนิทรรศการและการออกร้านจากประเทศต่างๆ อาทิ อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ลาว, พม่า, ฟิลิปปินส์ และอียิปต์ รวมทั้งของไทยอย่างสนพระทัย.