พบซากกระทิงตัวที่ 20 บริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี คาดตายโดยธรรมชาติ แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นทิ้ง เร่งส่งซากพิสูจน์ ...
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่อุทยานกว่า 80 นายได้สแกนพื้นที่โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพป่าบริเวณป่าสงวนแห่งชาติกุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (โครงการกุญชร) ในเขตอุทยานแห่งชาติกุยบุรี รายงานวันนี้ พบซากกระทิงตัวที่ 20 เพิ่มบริเวณโซน 2 ต่อ โซน 1 โดยได้ส่งทีมสัตวแพทย์ลงพื้นที่ไปเก็บตัวอย่างซากแล้ววันนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นซากเก่าที่อยู่ใกล้กับจุดที่พบ มีสภาพเหลือแต่กระดูกกับหนัง คาดว่าจะตายมานานแล้ว
ด้านนายศรีสวัสดิ์ บุญมา กำนันตำบลหาดขาม อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบซากกระทิงตัวที่ 20 น่าจะเป็นการตายโดยธรรมชาติ เพราะลักษณะน่าจะถูกสัตว์ใหญ่กินซากเหลือแต่กระดูก โดยหลังจากมีการพบซากกระทิงเพิ่ม ชาวบ้านในพื้นที่ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดออกเลย ทั้งกรณีการถูกสารพิษ ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ และการเกิดโรคระบาด ซึ่งถ้าเกิดจากโรคระบาดจริงต้องเป็นโรคระบาดที่เกิดเฉพาะในกระทิงเท่านั้น เนื่องจากยังไม่พบสัตว์อื่นตายด้วย

...
ทั้งนี้ ชาวบ้านได้เสนอผ่านไปยัง น.ส.กมล สุตะวิริยะวัฒน์ ประธานอนุกรรมาธิการทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช คณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ที่ลงมาติดตามปัญหาการตายกระทิงป่ากุยบุรีวานนี้ (13 ม.ค.) ว่าหากกรณีกระทิงตายด้วยโรคระบาดจริง เสนอให้เจ้าหน้าที่อุทยานผลักดันสัตว์ป่าที่อยู่ในพื้นที่ออกจากจุดที่พบซากทั้งหมด เพราะชาวบ้านเกรงว่าสัตว์อื่นๆ จะติดเชื้อโรคและตายเหมือนกระทิง และหากมีการยืนยันว่าเป็นโรงระบาดจริง ต้องสั่งย้าย นายปรีชา วิทยาพันธ์ อดีตหัวอุทยานแห่งชาติกุยบุรีกลับมาทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานฯ ดังเดิม และย้าย นายกลท อุ่นใจ อดีตหัวหน้าโครงการกุญชร กลับมาเป็นหัวหน้าดังเดิม เนื่องจากที่กระทิงตายไม่ได้เกิดความขัดแย้งกันในพื้นที่ และเสนอว่า ถ้าเกิดจากกรณีกระทิงถูกสารพิษจากฝีมือมนุษย์ หรือการวางยา เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้ และให้กรมอุทยานฯ ทบทวนการบริหารจัดการ การเข้าออกพื้นที่ใหม่ให้ดีกว่านี้.