ช่วงเวลาที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับ 'วันสิ้นโลก' หรือ 'วันโลกแตก' โดยมีคำทำนายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดเผ่นเดินไหว เกิดพายุสุริยะ และเกิดภัยพิบัติธรรมชาติร้ายแรง แม้จะขาดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลทางวิชาการที่อ้างอิง แต่ก็ส่งผลให้ประชาชนเกิดความสับสนตื่นกลัว มีการโยงเอาวันที่ 21 ธันวาคม เรื่องโลกแตกตามปฏิทินของชนเผ่ามายา กับเรื่องพายุสุริยะที่อาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวส่งผลต่อโลก เนื่องจากปี 2555 จะครบรอบการเกิดการปะทุของดวงอาทิตย์ที่จะเกิดในทุกๆ 11 ปี แต่ภาพถ่ายดวงอาทิตย์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือองค์การนาซ่าของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน ยังไม่พบว่าจะมีผลทำให้โลกแตกได้
รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ว่า โลกไม่แตกแน่นอนอยู่แล้ว ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไม่มีข้อบ่งชี้ว่าโลกจะแตก เพียงแต่ว่าสัญญาณตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคมเป็นต้นไป เป็นช่วงตื่นของแผ่นดินไหว บรรจบกับช่วงพายุสุริยะแรงในรอบ 11 ปี ผู้เชี่ยวชาญองค์การนาซ่าก็ออกมาบอกว่าพายุสุริยะอาจจะเกิดขึ้น ซึ่งมันจะแรงมากๆ ทำให้มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ ดังนั้น ในปี 2556 ก็อาจเป็นปีที่ต้องระวัง แต่ที่แน่ๆ หากพายุสุริยะที่จะเกิดขึ้นมันพัดมายังโลก ก็จะเกิดผลกระทบกับเราคือเรื่องดาวเทียม การติดต่อสื่อสาร เรื่องโครงข่าย การจ่ายส่งกระแสไฟฟ้ามากกว่า แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าถึงขนาดเกิดแผ่นดินไหวหรือไม่
"โดยส่วนตัว ผมคิดว่าพายุสุริยะมันเกิดแน่ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอย่างไร เกิดตำแหน่งไหน ดังนั้น สิ่งที่เราควรระวังก็คือเรื่องของการเดินทางหรือการติดต่อสื่อสาร โดยปกติข้อมูลทั่วไปหากเกิดพายุสุริยะจริง เราสามารถรู้ล่วงหน้าได้ เพราะนาซาจะประกาศออกมา ฉะนั้น ไม่ต้องตื่นตระหนก ตกใจ เราสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการไม่เดินทางไปในพื้นที่ที่จะเกิดผลกระทบ ส่วนจะเกิดกับประเทศไทยหรือไม่นั้น ประเทศเรามีขั้วสนามแม่เหล็กโลกกับชั้นบรรยากาศบังอยู่ และส่วนใหญ่มันจะไปทางขั้วเหนือและขั้วใต้มากกว่า"
ด้าน ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อดีตนักวิทยาศาสตร์องค์การนาซ่า บอกกับไทยรัฐออนไลน์ว่า ทางวิทยาศาสตร์บอกว่าอาจมีพายุสุริยะเข้ามา จากการที่ทุกๆ 11 ปี ดวงอาทิตย์มันจะเกิดสุริยะที่รุนแรง ซึ่งจะมาตรงกับช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมนี้ แต่การที่จะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ เมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่ามันจะวิ่งมาชนโลกเรารึป่าว เพราะที่เขาเตือนมันอาจจะเกี่ยวข้องกับปฏิทินของชาวมายา
"ผมมีโอกาสได้คุยกับชาวมายาเมื่อเดือนที่แล้ว ในประเทศเม็กซิโก เขาบอกว่าปฏิทินของเขาใกล้จะหมดสิ้น นั่นคือยุคเก่าก็จะหมดไป แล้วเรากำลังจะเข้าสู่ยุคใหม่ และยุคใหม่นั้นก็จะเต็มไปด้วยความสงบสุข เพราะฉะนั้น อยากจะให้ทุกคนมองว่าอนาคตเราต้องดีขึ้น ผมยืนยันได้เลยว่าโลกเราไม่แตกหรอก ยกเว้นจะอีก 4,500 ล้านปีหลังจากนี้ไป ตอนนั้นโลกของเราจะสลายตัวไปเอง โดนเผาไหม้หมดเพราะว่าดวงอาทิตย์จะขยายใหญ่ถึง 60 เท่า ของปัจจุบัน"
ส่วนที่ในช่วงนี้มักมีปรากฏการณ์ธรรมชาติ แผ่นดินไหวบ่อยๆ นั้น ดร.อาจอง บอกว่า โลกเรามีการเคลื่อนไหวตลอด แผ่นดินไหวมันเกิดมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพแล้ว เปลือกโลกมีการเคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆ มันจะมีการเคลื่อนไหวหรือแผ่นดินไหวอยู่บริเวณรอบๆ มหาสมุทรแปซิฟิก พวกประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน แล้วก็ลงมาที่ฟิลิปปินส์ อ้อมมาทางตอนใต้ของอินโดนีเซีย อีกด้านหนึ่งก็คือ แคลิฟอร์เนีย อะแลสกา แล้วก็ลงไปทางเม็กซิโก และชิลีิ พวกนี้จะเจอแผ่นดินไหวหนักตลอดเวลา แต่ที่เราเป็นห่วงคือถ้าการเกิดพายุสุริยะบริเวณดังกล่าวมันก็จะรุนแรง ซึ่งถ้าเกิดแผ่นดินไหวที่ฟิลิปปินส์จะทำให้เกิดสึนามิเข้ามาได้ แต่ย้ำว่ายังไม่มีอะไรแน่นอน เพราะทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถคำนวณออกมาได้ว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่ และจะเกิดขึ้นเมื่อไร
"ยืนยันว่าประเทศไทยเราโชคดีที่สุดแล้ว ดีกว่าอีกหลายประเทศ เพราะประเทศเราไม่มีรอยต่อของเปลือกโลก มีเพียงรอยต่อที่อยู่ทางด้านประเทศพม่า ทางฝั่งทะเลอันดามัน แล้วก็ทางด้านประเทศฟิลิปปินส์ เพราะฉะนั้น การไม่มีรอยต่อที่จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ๆ เราก็แค่เตรียมจิตใจของเราให้สงบ ให้มั่นคง อย่าไปเครียด อย่าไปวิตกกังวล ขอให้เข้าใจว่าเราโชคดีที่สุดแล้ว การที่เราเอามือทุบโต๊ะ โต๊ะมันก็ทุบมาที่เรา เราก็เจ็บ ฉะนั้น การทำอะไรที่เสียหาย ความโลภ ความโกรธ ความหลง ล้วนแต่จะทำลายเราทั้งสิ้น มันเป็นผลที่เป็นปฏิกิริยาที่สะท้อนกลับมายังตัวเรา ผมยืนยันได้ว่า 21 ธันวาคมนี้โลกไม่แตกแน่นอน"
ขณะที่ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช อดีตผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ว่า พลังงานจากพายุสุริยะนั้น แล้วแต่นักวิทยาศาสตร์แต่ละคนว่าจะเชื่อมากน้อยแค่ไหน มันไม่ทำให้ถึงกับโลกแตกหรอก แต่อาจจะทำให้พื้นผิวโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน อย่างทุกวันนี้มีข่าวว่ามีเหตุภูเขาไฟระเบิด เช่น แถบประเทศรัฐเซียและประเทศกัวเตมาลา เหตุการแบบนี้มันอาจจะเกิดขึ้นอีกหลายแห่ง ในช่วงเวลานี้ และอาจจะมีผลกระทบที่รุนแรงตรงกับรอยเลื่อนใกล้ๆ ที่อยู่อาศัย ซึ่งอาจจะมีความเสียหายบ้าง แต่ไม่ถึงกับทำให้โลกล่มสลาย ซึ่งการเกิดผลกระทบเช่นนี้ก็น่าจะเกิดทั่วโลก แล้วแต่ช่วงที่โลกหมุนช่วงไหนใกล้กับระบบสุริยะตรงนั้นก็อาจจะมีผลกระทบ
รังสีที่เข้ามาถึงเปลือกโลกอาจจะเกิดเรื่องของแผ่นดินไหว ลักษณะอากาศแปรปรวน ถ้าหากรุนแรงก็อาจเกิดสึนามิ เราไม่สามารถที่จะไปทำนายได้ เพราะว่าข้อมูลต่างๆ นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่ถ้าพูดถึงด้านโหราศาสตร์ และด้านดาราศาสตร์เขาก็บอกว่ามันมีโอกาสที่จะเกิดมาก ประเทศไทยไม่น่าจะเกิดอะไรมาก เพราะเราไม่ค่อยมีพื้นที่ที่จะเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรง ไม่เหมือนประเทศอื่นซึ่งที่มีพลังงานอยู่แล้ว แต่ก็ต้องระวังรอยเลื่อนฝั่งตะวันตกและภาคใต้ไว้บ้าง
"คนที่คิดว่ามันไม่เกิดก็จะเกิดความประมาท แล้วเวลามันเกิดภัยธรรมชาติขึ้นมา มันจะสร้างความเสียหายมาก เสียชีวิตมาก นักวิทยาศาสตร์บางคนมีความเห็นต่างกันได้จากการไม่เชื่อส่วนตัว เราจะไปบอกเขาไม่ได้ว่าอันนี้จริง อันนี้ไม่จริง แต่ตรงนี้ผมเชื่อ เพราะว่าหลักทางวิทยาศาสตร์มันยังมีความเป็นไปได้อยู่ แต่ไม่จำเป็นจะต้องเกิดวันนี้หรือพรุ่งนี้ อาจจะไม่ใช่วันที่ 21 ธันวาคม อาจจะเป็นปลายปีก็ได้ จริงๆ ไม่ว่าจะเกิดหรือไม่เกิดก็ต้องเตรียมตัวไว้ เพราะบางสาขาทางโหราศาสตร์ และดาราศาสตร์เขาซีเรียสมาก เขาคิดว่ามันจะเกิดรุนแรง เราก็ควรจะเชื่อเขาไว้บ้าง เตรียมตัว เตรียมอาหาร เตรียมน้ำดื่มไว้พอสมควร เผื่อว่าพื้นที่ที่เราอยู่มันเกิดอะไรขึ้น เช่น ถ้าเกิดภัยพิบัติแล้วเราไม่มีน้ำ ไม่มีอาหารเตรียมไว้ เราอาจจะต้องอดน้ำ อดอาหาร แล้วก็อาจจะเสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้น เตรียมไว้ก็ไม่เสียหาย มันไม่เกิดก็ไม่เป็นไร"
เมื่อไทยรัฐออนไลน์ ลองไปดูผลโพล ของสวนดุสิตโพล ซึ่งได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวไทย เรื่อง 'วันสิ้นโลก' 21 ธันวาคม พบว่า ประชาชน 92.45% ไม่เชื่อ เพราะไม่ใช่เรื่องจริง เป็นไปไม่ได้ เชื่อนักวิทยาศาสตร์มากกว่า เป็นเพียงคำทำนายหรือความเชื่อทางโบราณ ฯลฯ มีเพียง 1.09% เชื่อ เพราะ มีบันทึกอยู่ในปฏิทินของชนเผ่ามายาซึ่งเป็นชนเผ่าโบราณที่มีความเชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ อาจเกิดขึ้นกะทันหัน
แม้นักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์จะแสดงความเห็นมากแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้วเรื่องโลกแตกหรือวันสิ้นโลก ยังคงเป็นเรื่องของความเชื่อที่แต่ละคนจะเชื่อตามใจตนเองหรือเชื่อตามเหตุผลประกอบต่างๆ แม้ 1% ที่เชื่อเรื่องนี้ จะเป็นตัวเลขที่น้อย และแม้วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคมนี้ หรือ ตามปฏิทินตะวันตกตรงกับ 21/12/2012 จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายความเชื่อเรื่องโลกแตกก็ยังคงไม่หมดไปอยู่ดี และจะมีการพูดถึงกันอีกครั้งหนึ่งแน่นอน.
...