สมาคมโลกร้อนออกแถลงการณ์ต้านกรมป่าไม้แจกป่า สทก.ในป่าสงวนฯ ชี้เป็นการฟอกที่ดิน เอื้อนายทุน แถมยกความผิดให้ผู้รุกป่า...
เมื่อวันที่ 8 พ.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ออกแถลงการณ์คัดค้านการแจกป่าตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้มีนโยบายแจกใบรับรองสิทธิทำกิน (สทก.) ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทั่วประเทศจำนวน 2.5 ล้านไร่ ให้กับราษฎรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนเสื่อมโทรม ที่ไม่มีเอกสารสิทธิทำกิน โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือคนจนให้มีที่ทำกิน ไม่ให้ไปบุกรุกป่าเพิ่มขึ้นนั้น มีใจความว่า สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ขอคัดค้านนโยบายและพฤติการณ์ดังกล่าวของกระทรวงทรัพยากรฯ และกรมป่าไม้ โดยสิ้นเชิง และเห็นว่านโยบายดังกล่าวเป็นเพียงเล่ห์ฉลทางการเมืองของนักการเมืองที่รวมหัวกับข้าราชการในการ “ฟอกที่ดิน” ที่ผิดกฎหมาย ให้กลายเป็นที่ดินที่ถูกกฎหมาย ยกเว้นความผิดให้แก่ผู้ที่บุกรุกป่าเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทุน นักการเมือง และ/หรือหัวคะแนนของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง โดยเอาความยากจนของชาวบ้านมาเป็นตัวประกันเท่านั้น

...
ทั้งนี้ สมาคมขอประณามและขอต่อต้าน 100% เพราะไม่ใช่ทางออกและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ทำกินของเกษตรกร หรือราษฎรที่ไม่มีที่ทำกินอย่างยั่งยืน ทั้งที่ในอดีตเคยมีนโยบาย “โฉนดชุมชน” ที่ชุมชนยอมรับโดยให้สิทธิในเอกสารสิทธิที่ทำกินของชาวบ้านในลักษณะของชุมชน เป็นเจ้าของร่วมกัน มิได้แยกเป็นปัจเจกชน ซึ่งไม่สามารถนำไปจำหน่ายจ่ายโอนให้แก่นายทุน หรือผู้ใดได้ยกเว้นการตกทอดแก่ทายาท หรือมรดกเท่านั้น แต่การที่กระทรวงทรัพยากรฯ และกรมป่าไม้ นำที่ป่าสงวนที่อ้างว่าเสื่อมโทรมหรือถูกบุกรุกแล้ว มาแจกให้แก่นายทุนเป็นรายบุคคลโดยใช้ราษฎรที่ยากจนเป็นข้ออ้าง เพื่อที่จะนำไปทำรีสอร์ต หรือธุรกิจการค้าได้ ย่อมผิดต่อหลักการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น และจะนำไปสู่การทำลายป่าปกติให้กลายเป็นป่าเสื่อมโทรมเพิ่มมากขึ้นเพื่อรอนโยบายประชานิยมดังกล่าว และไม่มีหลักประกันอันใดที่จะยืนยันได้ว่าที่ดินดังกล่าวเมื่อมอบให้แก่ชาวบ้านแล้วจะไม่ถูกโอนซื้อขายสิทธิไปให้นายทุน หรือนักการเมือง ฯลฯ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 66 ประกอบมาตรา 85 มาตรา 87 โดยชัดแจ้ง
นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรฯ และกรมป่าไม้ ยังได้กระทำความผิดเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อีกด้วย เพราะปล่อยให้มีการบุกรุกที่ป่าสงวนของชาติ จนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม โดยการออกมายอมรับในข้อเท็จจริงดังกล่าวต่อสาธารณะ เพราะความไร้ประสิทธิภาพของตน ที่สำคัญจากข้อมูลการแจกที่ดินดังกล่าว ยังเอนเอียงไปแจกแต่เฉพาะในพื้นที่หาเสียงของรัฐมนตรีเจ้ากระทรวง ย่อมชี้ชัดว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 30 โดยชัดแจ้ง ทั้งนี้ หากกระทรวงทรัพยากรฯ และกรมป่าไม้ ไม่ทบทวนนโยบาย หรือการดำเนินการดังกล่าว สมาคมฯ จะร่วมกับผู้ที่มีส่วนได้เสีย หรือนักอนุรักษ์ทั่วประเทศในการฟ้องร้องเพิกถอนคำสั่ง หรือการกระทำดังกล่าวโดยเร็วที่สุดต่อไป.