ปลัด สธ. สั่ง นพ.สสจ. 15 จังหวัดตั้งวอร์รูม ควบคุมการระบาด "โรคคอตีบ" หลังยอดผู้ป่วยทะลุ 80 ราย แนะนำเวลาไอหรือจามควรมีผ้าปิดจมูกและปาก หมั่นล้างมือบ่อยๆ...
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยสถานการณ์ของโรคคอตีบว่า ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-14 ต.ค.2555 พบผู้ป่วยโรคคอตีบ 79 รายใน 15 จังหวัด เป็นเด็กอายุ 10-14 ปี มากถึงร้อยละ 24 และมีผู้เสียชีวิต 4 ราย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ตั้งวอร์รูมที่ส่วนกลางเพื่อติดตามประเมินความคืบหน้าสถานการณ์และมาตรการควบคุมป้องกันโรคประชุมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า ส่วนการควบคุมการระบาดของโรคคอตีบขณะนี้ได้ดำเนินการอย่างเข้มข้น ใน 15 จังหวัด แบ่งเป็น 4 ระดับ ดังนี้ 1.จังหวัดที่ต้องดำเนินการขั้นสูงสุด ได้แก่ จังหวัดเลย เนื่องจากพบผู้ป่วยมากถึง 66 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2 ราย 2.จังหวัดอื่นๆ ที่พบผู้ป่วยยืนยันว่าติดเชื้อ ได้แก่ เพชรบูรณ์ หนองบัวลำภู อุดรธานี และสุราษฎร์ธานี 3.จังหวัดที่พบผู้สงสัยว่าจะติดเชื้อ ได้แก่ พิษณุโลก สกลนคร และ 4.จังหวัดที่ติดกับพื้นที่ที่มีผู้ป่วยหรือผู้สงสัย ได้แก่ ชัยภูมิ ขอนแก่น หนองคาย เชียงราย พิจิตร อุตรดิตถ์ บึงกาฬ และน่าน
นอกจากนี้ ได้จัดทำแนวทางการตรวจวินิจฉัยการรักษาให้แก่แพทย์ พยาบาล ตลอดจนการส่งต่อผู้ป่วยและทบทวนเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการเพื่อเป็นแนวทางการทำงานให้กับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดและโรงพยาบาล รวมถึงได้จัดหาวัคซีนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันส่งให้แต่ละจังหวัดแล้ว โรคนี้หากได้รับการตรวจรักษาอย่างรวดเร็วจะไม่เสียชีวิต
นพ.ณรงค์ กล่าวเพิ่มว่า ได้ให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั้ง 15 จังหวัด ดำเนินการตาม 6 มาตรการ ดังนี้ 1.ให้ตั้งวอร์รูมเพื่อควบคุมแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้สั่งการ วิเคราะห์สถานการณ์ กำกับติดตามผลการดำเนินการในพื้นที่ที่เฝ้าระวังและให้ประชุมติดตาม สถานการณ์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และรายงานผลที่กรมควบคุมโรคทุกสัปดาห์ 2.จัดระบบเฝ้าระวังเชิงรุกเกี่ยวกับอาการไข้ เจ็บคอ ฝ้าสีเทาในคอ โดยให้ อสม.เคาะประตูบ้านถามอาการสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และรายงานผู้ป่วยที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหากพบผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัยให้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วลงสอบสวนโรคทันทีและติดตามผู้ป่วยกินยาให้ครบตามกำหนด
3.เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบเสริมภูมิคุ้มกันแก่ประชาชนทุกคนในอำเภอที่เฝ้าระวังให้ครบภายใน 2 สัปดาห์ โดยไม่เน้นประวัติการรับวัคซีนและเก็บตกในเด็กตามการให้วัคซีนระบบปกติ 4.ให้จัดอบรมทบทวนความรู้แพทย์พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเรื่องโรคคอตีบ เกี่ยวกับการวินิจฉัยการรักษา และการส่งต่อผู้ป่วยตามแนวทางที่กำหนด 5.เร่งให้ความรู้การป้องกันโรคคอตีบ แก่ อสม. ประชาชน กลุ่มเสี่ยงต่างๆ เช่น ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียน และ 6.ให้แต่ละจังหวัดจัดระบบเฝ้าระวังเตรียมพร้อมรับมือกับเทศกาลหรือกิจกรรมที่มีประชาชนมาร่วมงานจำนวนมาก เช่น เทศกาลออกพรรษา เทศกาลลอยกระทง หรือเทศกาลปีใหม่โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจัดสื่อเผยแพร่ให้กับนักท่องเที่ยวในเรื่องการป้องกันโรคและอาการเบื้องต้นที่ต้องรีบพบแพทย์
ทั้งนี้ ขอให้ทุกจังหวัดนอกจาก 15 จังหวัดที่กล่าวมา ติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังผู้ป่วยที่ต้องสงสัยเพื่อให้การวินิจฉัยควบคุมได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งการให้วัคซีนในเด็กตามเกณฑ์ที่กรมควบคุมโรคกำหนดให้ครบถ้วน สำหรับมาตรการการป้องกันโรคในประชาชน แนะนำเวลาไอหรือจามควรมีผ้าปิดจมูกและปาก หมั่นล้างมือบ่อยๆ เวลาไปสัมผัสสิ่งของทั่วไป.
...