สธ. อึ้ง ผลวิจัยชี้ 10 ปีผ่านไป IQ เด็กไทยต่ำเท่าเดิม หวั่นพัฒนาไม่ทัน "สิงคโปร์-มาเลเซีย" เทียบ "ภูฏาน" ยังไม่ได้ ขณะที่วัด EQ แนวโน้มก็ลดต่ำลงเช่นกัน

วันที่ 12 ต.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภาจัดเสวนาเรื่อง “สุขภาวะของเด็กไทยการพัฒนาทางสติปัญญาเพื่อก้าวไปสู่โลกแห่งการแข่งขัน” โดยมี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผอ.สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข น.ส.ปราณี ชาญณรงค์ นักจิตวิทยาคลินิกเชี่ยวชาญคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร่วมเสวนา

โดย นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ ส.ว.สุรินทร์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุขกล่าวว่า ปัจจุบันโลกก้าวหน้าไปมากติดต่อกันไร้ขอบเขตเชื่อมโยงกันมากขึ้น เด็กฝรั่งเข้าไปเรียนภาษาจีน ในมหาวิทยาลัยปักกิ่งกันมากขณะที่เด็กทั่วโลก มีพัฒนาการดีขึ้น แต่ไอคิวเด็กไทย ด้อยกว่าปกติไม่ทันต่างประเทศ ดังนั้น เด็กไทยต้องมีปัญหาผิดปกติที่ไอคิวไม่ทันโลก ภาพรวมเด็กไทยมีผลสำรวจออกมาแล้ว ต่ำกว่าค่าเกณฑ์มาตรฐานสากล

การเสวนาวันนี้ สำคัญมากเพราะมีการศึกษามาแล้ว ผลการเสวนาจะส่งรายงานไปให้ที่ประชุมวุฒิสภารับรองด้วยเพื่อส่งต่อไปยังคณะ รัฐมนตรี (ครม.) แจ้งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบตระหนักเรื่องนี้ให้มากขึ้น พญ.พรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา รองประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ผลสำรวจไอคิวเด็กไทย อายุ 6-15 ปี ของกรมสุขภาพจิตปี 2554 จากโรงเรียนทั่วประเทศพบว่า นักเรียนหลายหมื่นคน ไอคิวเฉลี่ยไม่ถึง 100 คะแนน ถือว่าไอคิวต่ำ ซึ่งปกติจะต้องเกิน 100 คะแนนเปรียบเทียบไอคิวเด็กไทยเมื่อ 10 ปีก่อนเฉลี่ยไม่ถึง 100 คะแนน สะท้อนว่าแม้ผ่านมา 10 ปี แต่ระดับไอคิวเด็กไทยยังไม่ดีขึ้น การที่เด็กไทยไอคิวต่ำส่งผลด้านการศึกษาด้วย เพราะจะทำให้การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาลดน้อยลงและยังส่งผลต่อผลิตภัณฑ์ มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ก็จะต่ำด้วย หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้การแข่งขันและพัฒนากับนานาชาติคงเป็นไปได้ยาก เพราะทรัพยากรบุคคลของเรามีไอคิวต่ำกว่าประเทศอื่น หากเทียบกับไอคิวของเด็กในประเทศสิงคโปร์มาเลเซีย เฉลี่ยสูงกว่าเด็กไทยมาก

นอกจากนี้ การวัดความฉลาดทางอารมณ์ (อีคิว) ของเด็กไทยก็มีแนวโน้มต่ำลงเช่นกัน เช่น เรื่องของจริยธรรมการปรับตัวและการเข้าใจคนอื่นจึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขและหาทางออกอย่างจริงจัง

พญ.พรพันธุ์ กล่าวต่อว่า ประเทศภูฏานแม้จะมีฐานะทางเศรษฐกิจด้อยกว่าไทยแต่ให้ความสำคัญกับการพัฒนา ระดับสติปัญญาของเด็กมาก รัฐบาลเขามีนโยบายสอนภาษาอังกฤษให้เด็กตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาตอนต้นและ ช่องฟรีทีวีทุกรายการจะมีคำแปลภาษาอังกฤษด้านล่าง เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษไปพร้อมกันเพราะภาษาอังกฤษถือเป็นประตูไป สู่วิชาการด้านต่างๆ ในโลก

ขณะเดียวกันรายการส่วนใหญ่เน้นสาระประโยชน์เช่น BBC CNN สามารถรับชมได้โดยไม่เสียค่าบริการขณะที่ประเทศไทยรายการที่มีสาระความ รู้ที่ผู้ปกครองควรต้องส่งเสริมให้บุตรหลานดูต้องเสียค่าบริการ ขณะเดียวกันเด็กไทยมีทั้งอินเทอร์เน็ตและแท็บเล็ตแต่ก็นิยมนำมาใช้เล่นเกมมากกว่า

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวในช่วงอภิปรายเรื่อง “สถานการณ์ด้านสติปัญญาของเด็กไทยและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง” ว่า การสำรวจไอคิวเด็กไทยครั้งใดก็ต่ำทุกครั้ง ตนไปตรวจค้นการสำรวจที่ผ่านมาพบว่า นานแล้วไทยอยู่ในอันดับ 40 ของโลก ล่าสุดปี 2554 กรมสุขภาพจิต ได้สำรวจสถานการณ์ระดับสติปัญญาของนักเรียนไทยสำรวจนักเรียน จำนวน 72,780 คนพบว่า เด็กที่ไอคิวต่ำกว่าเกณฑ์ปกติคือ ไอคิวต่ำกว่า 90 คะแนน ประมาณร้อยละ 28.4 และพบด้วยว่าระบบการศึกษาของไทยยังมีนักเรียนที่มีความบกพร่องของระดับสติ ปัญญาหรือมีไอคิวต่ำกว่า 70 คะแนน อยู่ร้อยละ 6.5 ซึ่งตามมาตรฐานสากลกำหนดไว้ว่า ไม่ควรเกินร้อยละ 2 ที่น่าตกใจคือพบว่าเด็กในจังหวัดนราธิวาสไอคิวเพียง 22 คะแนน ซึ่งถือว่าป่วยและบกพร่องทางปัญญา เด็กไทยที่เกิดก่อนช่วง 10 ปี ไอคิวต่ำกว่า 100 อยู่มาก พบว่าอยู่ในช่วงยุคไอเอ็มเอฟ

“ปัจจัยที่มีผลต่อระดับสติปัญญาของเด็กมี 3 ส่วนคือด้านภาวะโภชนาการ ตัวเด็กและครอบครัว การเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อม เช่นถ้าพ่อแม่มีการศึกษาสูงมีแนวโน้มที่ลูกจะมีไอคิวสูงกว่าลูกของพ่อแม่ที่มีการศึกษาน้อยกว่าเด็กยากจนจะมีคะแนนเฉลี่ยไอคิวประมาณ 100 คะแนน ส่วนเด็กที่อยู่ในสถานะทางสังคมสูงสุดพบว่า ระดับคะแนนเฉลี่ยไอคิว ประมาณ 119 คะแนน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ด้าน รศ.พญ.ลัดดา เหมาะสุวรรณ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ภาวะโภชนาการมีความสำคัญต่อไอคิวเด็กมาก เราพบจากการสำรวจของยูนิเซฟ ว่า เด็กบางคนมีไอคิวดีแต่ไปไม่ถึงไหน เพราะความยากจนด้อยโอกาส ภาวะสุขภาพไม่ดี มีอยู่ 3 ประการคือ เตี้ย แคระ แกร็น ขาดธาตุไอโอดีน โลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก ทั้ง 4 เรื่องนี้ เป็นปัจจัยหลักที่ป้องกันได้ ปี 2554 ปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือ อาหารของแม่ตั้งครรภ์ได้รับไม่เพียงพอ.

...