ชี้ไม่ต้องต่อต้านใครผิดว่าตามหลักฐาน แฉรุกป่าจริง 20 รายใหญ่ แต่ละรายถือครองที่ดินคนละ 3-10 ไร่ แย้มมีรายหนึ่งชัดมาก สร้างอาคารหลังใหญ่รูปหมวกโบราณตั้งตระหง่านอยู่กลางป่า คาดราคากว่า 10 ล้าน...
จากกรณีผู้ประกอบการบ้านพัก และรีสอร์ทใน อ.วังน้ำเขียว จำนวน 300 คน รวมตัวกันยื่นหนังสือต่อนายปิติธรรม ฐิติมนตรี รองผู้ว่าฯ นครราชสีมาเพื่อขอความเป็นธรรมกรณีที่กรมป่าไม้ประกาศจะใช้กฎหมายป่าสงวน เข้าไปรื้อถอนบ้านพัก และรีสอร์ททั้งหมด ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 18 ก.ค. นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ผู้ประกอบการ และเจ้าของรีสอร์ททั้งหมด ไม่จำเป็นต้องออกมาต่อต้านหรือยื่นหนังสืออะไรกับใครทั้งสิ้น เพราะกรมป่าไม้ดำเนินการทุกอย่างตามหลักฐาน และแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ใครทำถูกต้องก็ไม่ต้องมาเดือดร้อน ส่วนใครที่ครอบครองที่ดินผิด โดยเฉพาะบุกรุกที่ป่าสงวน ยังไงก็ต้องจับ เพราะหลักฐานที่กรมป่าไม้มีนั้นยืนยันว่าแน่นหนาพอ
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตอนนี้กำลังแยกแยะพื้นที่อยู่ว่า พื้นที่ที่ตรวจสอบนั้นเป็นพื้นที่ป่าสงวน หรือพื้นที่ ส.ป.ก. กรณีเป็นที่ ส.ป.ก.หากใครเข้าไปครอบครองผิดประเภท ก็ต้องคืนพื้นที่นั้นแล้วหาคนที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมมาอยู่แทน แต่ถ้าบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนติดคุกลูกเดียว คือ กรณีที่รุกป่าต้นน้ำ จำคุกตั้งแต่ 1-15 ปี ปรับ 10,000-15,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีบุกรุกป่าทั่วไป จำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี ทั้งนี้ กรมป่าไม้ได้ประกาศพื้นที่ป่าสงวนในพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ปี 2516 และได้กันพื้นที่บางส่วนที่เป็นป่าเสื่อมโทรมให้กับ ส.ป.ก. เพื่อออกเอกสารเป็นส.ป.ก.4-01 ให้ประชาชนที่มีคุณสมบัติที่ ส.ป.ก.กำหนดเอาไว้สามารถเข้าไปทำประโยชน์ได้
"ที่กำลังตรวจสอบอย่างเข้มข้นในเวลานี้คือ ค่อนข้างมั่นใจแน่ๆ ว่ารุกพื้นที่ป่าสงวนจริงๆ จำนวน 20 รายใหญ่ ซึ่งแต่ละรายถือครองที่ดินคนละ 3-10 ไร่ มีอยู่รายหนึ่งชัดเจนมาก เป็นอาคารหลังใหญ่มากรูปหมวกโบราณตั้งตระหง่านอยู่กลางป่า คาดว่าราคาน่าจะมากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าเจ้าของไม่น่าจะใช่คนธรรมดา แต่ผมไม่ทราบว่าเป็นของใคร คงต้องรอให้แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศออกมาก่อน แล้วเราจะเข้าไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่ทันทีให้พนักงานสอบสวน เรียกเจ้าของมาสอบปากคำ จากนั้นจะส่งฟ้องศาลได้ทันที" อธิบดีกรมป่าไม้กล่าว.
...