ผลิตภัณฑ์ไพลเจอร์สิกเจล."ข้อเสื่อม" (Degenerative Joint Disease) เป็นโรคที่พบมากทุกชนชาติ ทั้งเพศหญิง ชาย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ทั้งนี้ หลายคนเข้าใจว่า โรคดังกล่าวจะเกิดขึ้นในคนชรา แท้จริงแล้ว กลุ่มผู้ที่ทำงานยกของหนัก ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และคนที่นิยมใส่รองเท้าส้นสูงเป็นเวลานานๆ การเคลื่อนไหว เป็นปัจจัยเหตุที่ส่งผลให้เป็นโรคดังกล่าว ได้เช่นกันฉะนี้...เพื่อเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทย นางธัญวรัตน์ กาจสงคราม นักวิชาการฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ พร้อมคณะ จากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้คิดค้นวิจัย "สารสกัดสมุนไพรไทยพื้นบ้านไพลและขิง เพื่อใช้บรรเทาอาการปวดจากโรคข้อเสื่อม" ขึ้น นางเกษมศรี หอมชื่น ผู้ว่าการ วว. เปิดเผยว่า... โรคข้อเสื่อมเป็นโรคเรื้อรัง ทั้งนี้ จากสถิติของผู้ป่วยในประเทศไทยพบประมาณ 6 ล้านคน ดังนั้น ทีมวิจัยจึงได้ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำสมุนไพรไทยคือ ไพลและขิง มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ทาภายนอก เพื่อบรรเทาอาการอักเสบปวดของข้อ เป็นการต่อยอดภูมิปัญญาสมุนไพรไทย สร้างทางเลือกใหม่ให้แก่ ผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยาทาที่นำเข้าจากต่างประเทศ นางธัญวรัตน์ บอกต่อถึงขั้นตอนการวิจัยว่า เริ่มจากการนำไพล ขิง มาสกัดสารสำคัญ แล้วนำไปทดสอบการสร้างสารก่อการอักเสบในหลอดทดลอง พบว่า สารสกัดทั้งสองชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างสารก่ออักเสบชนิด Prostaglandins E2 และ IL-6 ซึ่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งสารก่ออักเสบ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการนำมาใช้ จึงพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เจล แล้วนำไปทดสอบฤทธิ์ต้านการอักเสบแบบเฉียบพลัน (Rat Paw Edema Model) เพื่อให้ได้ผลที่แน่ชัด มีความปลอดภัยทีมวิจัยได้นำไปศึกษาฤทธิ์ต้านข้ออักเสบในหนูทดลอง (Complete Freunds Adjuvant) ให้ผลว่า "ไพลเจอร์สิกเจล" มีประสิทธิภาพในการต้านการอักเสบ สามารถลดการบวมของข้อเข่า โดยมีค่าแตกต่างจากกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ...จากนั้นได้นำไปทดสอบในคลินิกผู้ ป่วยที่มีอาการข้อเข่าเสื่อมที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง นอกจากไพลเจอร์สิกเจลมีประสิทธิผลในการรักษาอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม ลดอาการปวด บวม อาการยึดติดของข้อเข่า...กลุ่มผู้ป่วยหลังนำไปใช้แล้วช่วยทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวันของข้อเข่า ทั้งจากการลุกนั่ง ขึ้นลงบันได ก้มลงหยิบของ สามารถทำได้โดยไม่ปวดเมื่อยข้อมากเหมือนที่ผ่านมาแล้ว ยังมีความปลอดภัย ไม่พบผลแทรกซ้อนในระบบทางเดินอาหาร ตับและไต ซึ่งกลุ่มเป้าหมายมีความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ ทั้งด้านสี กลิ่น ความเนียน การซึมผ่านผิวหนังการวิจัยดังกล่าวนอกจากช่วยเพิ่มมูลค่า ต่อยอดภูมิปัญญาสมุนไพรไทย ยังลดการนำเข้าผลิตภัณฑ์ จากต่างประเทศได้ในอนาคต สำหรับผู้ที่สนใจรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0-2577-9300, 0-2577-9105 ในวันและเวลาราชการ."เพ็ญพิชญา เตียว"