"รัชดา" ขอ ศธ.ปรับหลักสูตรการสอนเพศศึกษา หลังยูนิเซฟ ชี้ไม่สัมฤทธิ์ผล เผยอัตราวัยรุ่นท้องไม่พร้อม ปี 59 พุ่งสูง ติดอันดับต้นๆ อาเซียน

เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 60 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปฏิรูปการศึกษาไทยว่า ต้องไม่ตีกรอบแค่วิชาทางด้านวิทยาศาสตร์ แต่ทางด้านสังคมก็สำคัญ เพราะเป็นพื้นฐานให้คนเข้าใจบทบาทหน้าที่ตนเองในการอยู่ร่วมกันในสังคม เช่น กรณี วิชาเพศศึกษา เป็นวิชาที่ทางยูนิเซฟเห็นว่าประเทศไทยเรายังสอนเนื้อหาที่ไม่รอบด้าน เน้นอยู่แค่เรื่องสรีระ การเลี่ยงมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน การป้องกันการท้องที่ไม่พร้อม และครูก็สอนในรูปแบบให้แต่ข้อมูล ซึ่งไม่พอที่จะให้เด็กคิดและตัดสินใจได้เมื่อเผชิญสถานการณ์ กระทรวงศึกษาธิการควรรับฟังความเห็นยูนิเซฟที่เสนอการปรับหลักสูตรวิธีการสอนและเนื้อหา ให้อยู่ในรูปแบบกิจกรรมเพื่อเด็กจะได้ฝึกคิดวิเคราะห์ และตั้งคำถามในเนื้อหาวิชารวมไปด้วย เพื่อให้การเข้าใจบทบาทของแต่ละเพศในสังคม การเคารพ ให้เกียรติเพศตรงข้ามและเพศที่สาม และรู้จักปกป้องสิทธิของตนเองอย่างมีศักดิ์ศรี

น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า ถ้าดูผลการศึกษาของยูนิเซฟแล้ว รัฐยังนิ่งเฉยใช้แบบเดิมกันอยู่ ก็คงไม่หวังถึงการปฏิรูปอะไรแล้วจากกลุ่มตัวอย่าง นักเรียนชายบางส่วนยังเชื่อว่าสามีมีสิทธิทุบตีภรรยาได้ หากภรรยานอกใจ นักเรียนหญิง 54% ที่ต่อรองให้ฝ่ายชายใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ที่สำคัญการศึกษาพบว่าการท้องไม่พร้อม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการติดเชื้อเอชไอวี เป็นปัญหาของวัยรุ่นไทย ข้อมูลในปี 59 พบว่า วัยรุ่นไทยอายุ 15-19 ปี มีอัตราการคลอดบุตร 51 คนต่อวัยรุ่น 1,000 คน ถือเป็นอันดับต้นๆ ของชาติในอาเซียน