เอยูโพล เปิดเผยผลวิจัยความเครียดของคนไทย พบส่วนใหญ่ 70.59% รู้สึกเบื่อหน่าย เครียดมากสุดเรื่องเศรษฐกิจและการเงิน เพราะของแพง พบคนต่างจังหวัดมีความเครียดสูงกว่าคนในกรุงเทพฯ...
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. สถาบันวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอยูโพล เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่องดัชนีความเครียดของคนไทย กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,006 ตัวอย่าง พบว่า ประชาชนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเบื่อหน่าย (ร้อยละ 70.59) ไม่มีความสุขเลย (ร้อยละ 62.86) รู้สึกหมดกำลังใจ (ร้อยละ 49.46) และไม่อยากพบปะผู้คน (ร้อยละ 41.82) เป็นครั้งคราวถึงบ่อยๆ
อย่างไรก็ตามในภาพรวมพบว่า ประชาชนมีความเครียดน้อย มีคะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.26 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อครั้งที่ผ่านมาในเดือน ม.ค.60 ที่มีคะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.18 คะแนน โดยเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดมากที่สุด คือ เรื่องเศรษฐกิจ/การเงิน (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.87) โดยเฉพาะปัจจัยที่เกี่ยวกับราคาสินค้าแพง ปัญหาหนี้สิน/รายรับไม่พอกับรายจ่าย และสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เป็นต้น รองลงมา คือ เรื่องการเรียน (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.85 คะแนน) โดยเฉพาะปัจจัยเกี่ยวกับผลการเรียน การศึกษาต่อ และเนื้อหาการเรียน เป็นต้น
อีกด้านหนึ่งที่ประชาชนมีความเครียดสูง คือ เรื่องการงาน (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.73) โดยเฉพาะปัจจัยเกี่ยวกับสวัสดิการและค่าตอบแทน ความก้าวหน้าในอาชีพ และปริมาณงานที่ทำ/ขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ เป็นต้น
ผลสำรวจยังพบว่า ประชาชนในต่างจังหวัดมีความเครียด (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.36 คะแนน) สูงกว่าประชาชนในกรุงเทพมหานคร (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.18 คะแนน) โดยประชาชนในกรุงเทพมหานครมีความเครียดในเรื่องต่างๆ คือ มีความเครียดในเรื่องเศรษฐกิจ/การเงินมากที่สุด รองลงมา คือ เรื่องการเรียน และเรื่องสิ่งแวดล้อมตามลำดับ ส่วนประชาชนในต่างจังหวัดมีความเครียดในเรื่องต่างๆ คือ มีความเครียดในเรื่องเศรษฐกิจ/การเงินมากที่สุด รองลงมา คือ เรื่องการเรียน และเรื่องการงานตามลำดับ ซึ่งผลการสำรวจที่ได้ในครั้งนี้ไม่แตกต่างจากผลการสำรวจในครั้งที่แล้ว ม.ค. 60 ที่ประชาชนในต่างจังหวัดมีความเครียดสูงกว่าประชาชนในกรุงเทพมหานคร
รวมทั้งเมื่อพิจารณาจากผลสำรวจในครั้งจะเห็นว่า ปัญหาที่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เกิดความเครียด คือ ปัญหาสินค้าราคาแพงและปัญหาการจราจร ซึ่งเป็นปัญหาที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรนำไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้ประชาชนเกิดความเครียดต่อปัญหาต่างๆ เหล่านี้น้อยลง
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบความเครียดแต่ละเรื่องในกลุ่มประชาชนแต่ละวัย (Generation) พบว่า ประชาชนในกลุ่ม Gen Y (อายุ 25-35 ปี) มีความเครียดมากที่สุด รองลงมา คือ Gen M (อายุ 19-24 ปี) (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.34 และ 2.31 คะแนนตามลำดับ) ส่วนกลุ่มที่มีความเครียดน้อยที่สุด คือ ประชาชนในกลุ่ม Gen X (อายุ 36-50 ปี) (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.17 คะแนน)
เมื่อพิจารณารายละเอียดความเครียดในแต่ละเรื่องของกลุ่มประชาชนแต่ละวัย พบว่า
-Gen Z (อายุ 15-18 ปี) มีความเครียดในเรื่องการเรียนมากที่สุด รองลงมาเครียดเรื่องความรัก และเครียดเรื่องสิ่งแวดล้อมตามลำดับ (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 3.00, 2.72 และ 2.66 คะแนนตามลำดับ)
-Gen M (อายุ 19-24 ปี) มีความเครียดในเรื่องการเรียนมากที่สุด รองลงมาเครียดเรื่องการงาน และเครียดเรื่องสิ่งแวดล้อมตามลำดับ (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.85, 2.70 และ 2.69 คะแนนตามลำดับ)
-Gen Y (อายุ 25-35 ปี) มีความเครียดในเรื่องเศรษฐกิจ/การเงินมากที่สุด รองลงมาเครียดเรื่องการงาน และเรื่องสิ่งแวดล้อมตามลำดับ (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.89, 2.75 และ 2.63 คะแนนตามลำดับ)
-Gen X (อายุ 36-50 ปี) มีความเครียดในเรื่องเศรษฐกิจ/การเงินมากที่สุด รองลงมาเครียดเรื่องการงาน และเรื่องความรักกับสิ่งแวดล้อมตามลำดับ (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.97, 2.85 และ 2.71 คะแนนตามลำดับ)
-Gen B (อายุ 51-69 ปี) มีความเครียดในเรื่องเศรษฐกิจ/การเงินมากที่สุด รองลงมาเครียดเรื่องสิ่งแวดล้อม และเรื่องความรักตามลำดับ (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.93, 2.73 และ 2.66 คะแนนตามลำดับ)
สำหรับวิธีปฏิบัติตนเพื่อแก้ปัญหา เมื่อตนเองรู้สึกเครียดในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ/การเงิน เรื่องการเรียนและเรื่องการงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่มีความเครียด ในภาพรวมพบว่า เมื่อประชาชนรู้สึกเครียดในเรื่องเศรษฐกิจ/การเงิน จะแก้ปัญหาความเครียดโดยการใช้จ่ายอย่างประหยัด ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทำอาชีพเสริมทำงานให้มากขึ้น และหากิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุข หางานอดิเรกทำ เป็นต้น
ส่วนในเรื่องการงาน จะแก้ปัญหาความเครียดโดยการหากิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุข หางานอดิเรก ตั้งใจและรับผิดชอบงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด และลาออกหางานใหม่ เป็นต้น สำหรับในเรื่องการเรียนจะแก้ปัญหาโดยการขยันและตั้งใจเรียนมากขึ้น การทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกเพื่อคลายเครียด และยอมรับความเป็นจริงและรู้จักปล่อยวาง เป็นต้น.