เรียกได้ว่าเดือดสุดๆ กับ Fast & Furious 8 (ชื่อภาคทางการจริงๆ คือ The Fate of the Furious) หรือในชื่อไทยว่า เร็ว..แรงทะลุนรก 8 ที่แม้จะเดินทางมาถึงภาค 8 แต่เครื่องยังแรงดีไม่มีตก จัดหนักด้วยฉากแอ็กชั่นมันๆ ชนิดไม่สนใจตรรกะใดๆ ส่วนเนื้อเรื่องภาคนี้ก็ยังตอกย้ำความสตรองของแฟรนไชส์ ในเรื่องของ "ครอบครัว" ได้ประทับใจ เป็นหนังที่ครบเครื่องความบันเทิง คุ้มค่ากับการตีตั๋วไปดูในโรง
Fast & Furious 8 เล่าเรื่องราวต่อจากภาค 7 หลังจากที่ ไบรอัน กับ มีอา ได้วางมือ ดอม และ เล็ตตี้ ก็ได้ไปท่องเที่ยวใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข เช่นเดียวกับเพื่อนๆ แก๊งซิ่ง ก็ได้พักผ่อนใช้ชีวิตธรรมดาๆ กับเขาบ้าง
แต่แล้วดอมก็ได้พบกับ ไซเฟอร์ หญิงสาวอัจฉริยะไซเบอร์ที่มีเป้าหมายจะสร้างความโกลาหลให้กับโลก ซึ่งเธอได้สร้างเงื่อนไข จนดอมต้องทรยศต่อครอบครัว เหล่าแก๊งซิ่งจึงต้องรวมตัวกันเพื่อหยุดยั้งดอมและไซเฟอร์ให้ได้
...
แอ็กชั่นสายซิ่ง โม้บันเทิง
เชื่อว่าการตามดูหนัง Fast ของหลายๆ คน ก็คือการตามดูว่าภาคนี้มันจะโม้อะไรอีก!
ออกจะอวยไปนิด แต่ส่วนตัวยอมรับว่า Fast & Furious เป็นแฟรนไชส์หนังแอ็กชั่นที่ยิ่งสร้างออกมาก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ รู้ว่าจุดขายของตัวเองคืออะไร? และรู้ว่ากลุ่มแฟนของตัวเองคือใคร ทำให้ฉากแอ็กชั่นรถซิ่งที่ถูกยกระดับความโม้แบบไม่สนใจตรรกกะใดๆ อยู่ในระดับที่แฟนๆ ยอมรับได้
ซึ่งทีมผู้สร้างก็ยังคงมีไอเดียสร้างสรรค์ฉากแอ็กชั่นรถซิ่งมันๆ และแปลกใหม่ออกมาได้ทุกภาค ซึ่งที่เห็นในตัวอย่างคิดว่าโม้สุดๆ แล้ว แท้ที่จริงมันแค่น้ำจิ้มที่ของจริงสนุกและมันสะใจมากๆ
ถ้าเปรียบเป็นการขับรถ การดู Fast & Furious 8 ก็เหมือนกับเรานั่งอยู่ในรถแล้วเหยียบคันเร่งแบบเหยียบมิด ไต่ความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะหนังค่อยๆ เร่งระดับความตื่นเต้นและความสนุกไม่มีคำว่าผ่อน เพิ่มระดับความลุ้นระทึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนไปพีคสุดๆ ตอนจบ กลบ “จุดอ่อน” ของซีรีส์นี้ลงได้เสียที ที่มักถูกวิจารณ์ว่าฉากแอ็กชั่นตอนท้ายเรื่องมักจะสู้ตอนต้นหรือกลางเรื่องไม่ได้
ซึ่งหนังก็ไม่ได้มีดีแค่ซิ่งรถอย่างเดียว การต่อสู้แบบดวลหมัด ก็ออกแบบมาได้สนุก โดยเฉพาะการดวลกันระหว่างตัวละคร ฮ็อบส์ (ดเวย์น จอห์นสัน) และ เดคการ์ด ชอว์ (เจสัน สเตแธม) ที่เหมือนน้ำกับน้ำมัน ที่ดวลน้ำลายกันก็สนุก ดวลหมัดกันก็สะใจ แถมภาคนี้ยังมีการต่อสู้กันทางไซเบอร์ กดโค๊ด แฮกคอมพิวเตอร์ ก็นำเสนอออกมาได้แปลกใหม่และเข้ากันได้ดีกับซีรีส์สายซิ่งแบบนี้
ภาคที่โดดเด่นด้านการแสดงมากที่สุด
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับภาคนี้อีกอย่างก็คือ การเป็นหนังที่ยกระดับทางการแสดงมากยิ่งขึ้น ด้วยเนื้อเรื่องแนวหักหลัง ชิงเหลี่ยม มีปมปริศนาที่ต้องคลี่คลาย ทำให้หนังสามารถโชว์มิติทางด้านการแสดง เราจะได้เห็น วิน ดีเซล ที่โชว์ทักษะทางการแสดงจนเราอดอินตามไปด้วยไม่ได้ เช่นเดียวกับ ดเวย์น จอห์นสัน ที่มีซีนความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกที่น่าประทับใจ
ในส่วนของวายร้ายของภาคนี้ที่แสดงโดย ชาร์ลิซ เธียรอน และตัวละครปริศนาที่แสดงโดย เฮเลน มิร์เรน นักแสดงยอดฝีมือทั้งสองช่วยยกระดับหนัง Fast & Furious 8 ให้กลายเป็นภาคที่มีความโดดเด่นด้านการแสดงมากที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันมา
...
หากอนาคตใครถามว่า Fast 8 มีอะไร “น่าจดจำ” นอกเหนือจากฉากแอ็กชั่น ก็ต้องตอบว่า “การแสดง” นี่แหละที่น่าจดจำ
การต่อสู้กันระหว่างความ “โดดเดี่ยว” กับ “มิตรภาพ”
อย่างที่แฟนหนังทราบกันดี สิ่งที่แฟรนไชส์ Fast & Furious ให้ความสำคัญก็คือประเด็นของ “ครอบครัว” ซึ่งบทหนัง Fast & Furious 8 ที่เขียนโดย คริส มอร์แกน (ผู้รับเหมาเขียนบทหนัง Fast & Furious มาตั้งแต่ภาค 3) หน้าฉากดูเหมือนหนังซิ่งรถกู้โลก แต่อีกด้านคือการต่อสู้กันระหว่างความ “โดดเดี่ยว” กับ “มิตรภาพ” ผ่านวายร้ายของภาคนี้อย่างไซเฟอร์ และฝ่ายพระเอกอย่างดอม
ที่ทำให้เนื้อเรื่องในภาคนี้มีความลึกซึ้ง ดูเอามันก็ได้ ดูเอาสาระก็มีให้จับต้อง ถึงแม้จะแอบเพลียกับฉากเชยๆ บ้าง แต่ก็ตอกย้ำประเด็น “มิตรภาพ” และ “ครอบครัว” อันเป็นจุดที่สตรองที่สุดของหนัง Fast & Furious ไว้ได้อย่างหนักแน่น
...
แม้ภาคนี้จะเปลี่ยนผู้กำกับจาก เจมส์ วาน มาเป็น เอฟ แกรี่ เกรย์ ที่สร้างชื่อมาจาก Straight Outta Compton (ภาพยนตร์เพลงชีวประวัติวงฮิปฮอประดับตำนาน NWA) แต่ก็เป็นการปรับเปลี่ยนที่ไม่ได้ทำให้แฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ดร็อปลงเลย ตรงข้ามกลับยกระดับความดีงามมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเรื่องของการแสดง
Fast & Furious 8 เป็นหนังที่ตอบสนองด้านความบันเทิงที่ครบถ้วน ใครเป็นแฟนหนังสายซิ่ง ก็คงไม่พลาดกันอยู่แล้ว ส่วนใครหยุดยาวแล้วไม่รู้จะทำอะไรหรือไปไหน ก็แนะนำไปตีตั๋วดูหนังเรื่องนี้กัน รับรองว่าความบันเทิงที่ได้คุ้มค่าเงินและเวลาที่เสียไปแน่นอน
...