ไม่สามารถสรุปได้ช้าง “พังโย” เป็นของใคร ทั้งสองฝ่ายต่างเสียงแข็ง ผู้ร้องงัดตั๋วรูปพรรณออกมาโชว์ ยันเป็นช้างจังหวัดสุรินทร์ ส่วนเจ้าของใหม่บอกซื้อมาถูกต้องตามกฎหมาย สุดท้ายต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้ศาลตัดสิน...

จากกรณีที่นายวัน เรียงเงิน และนายสมศักดิ์ เรียงเงิน ชาวจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นผู้รับมอบอำนาจมาจาก นายชอบ เรียงเงิน น้องชาย และเป็นเจ้าของช้างพังโย ได้เดินทางเข้าขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ให้ช่วยเจรจากับปางช้างแห่งหนึ่ง ต.ฉลอง เพื่อขอคืนกลับช้างชื่อพังโย ที่หายไป เมื่อ 14 ปี ที่ผ่านมา และได้นำหลักฐานตั๋วรูปพรรณช้างพังโยที่ออกโดยนายทะเบียนอำเภอชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ระบุไมโครชิป 121-675-455 มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่อีกด้วย จากนั้นเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบช้างที่ปางช้าง ต.ฉลอง โดยเจ้าของปางช้างระบุว่าได้มีการซื้อช้างตัวดังกล่าวมาราคา 1,400,000 บาท โดยมีการซื้อขายกันถูกต้องตามกฎหมาย และให้นายวัน–นายสมศักดิ์ เรียงเงิน ไปหาเอกสารจากหน่วยงานราชการมาแสดงให้ชัดกว่าการถือกระดาษใบเดียวมาแล้ว จะมาแสดงความเป็นเจ้าของช้าง โดยเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการนัดหมายให้มีการพูดคุยกันอีกครั้งในวันที่ 30 มีนาคม 2560 ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ 30 มี.ค.นี้ ที่ห้องประชุม สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พ.ต.อ.ชูเกียรติ อิ่มใจธรรม ผกก.สภ.ทุ่งตะโก รรท.ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายทวีศักดิ์ สวัสดิเวช ปศุสัตว์อำเภอเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ทหารเรือทัพเรือภาคที่ 3 และเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเกี่ยวกับการแย่งครอบครองช้าง หลังจากที่ นายวัน และนายสมศักดิ์ เรียงเงิน อ้างว่าช้างหายไปเมื่อ 14 ปีก่อน และมาพบอยู่ที่ปางช้าง อะเมดซิ่ง บูกิต ซาฟารี ของนายพิชัย พัวศุภเจริญ ในพื้นที่ ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต โดยทั้ง 2 ฝ่ายนำเอกสารการครอบครองช้างมาแสดง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสรุปว่าช้างเชือกดังกล่าวใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง และให้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป

...

นายทวีศักดิ์ สวัสดิเวช ปศุสัตว์อำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวว่า ในการเจรจาทั้งสองผ่ายวันนี้ไม่สามารถตกลงกันได้ ทั้ง 2 ฝ่ายได้เอาเอกสารมายืนยันกันว่าเป็นเอกสารที่ถูกต้อง โดยทางฝ่ายผู้ร้องก็จะใช้สิทธิ์ตามกฎหมายไปแจ้งความที่ สภ.เมืองกระบี่ หลังจากนั้นก็จะได้พิสูจน์กันตามกระบวนการกฎหมาย หากศาลตัดสินว่าฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ ฝ่ายนั้นก็จะได้เป็นเจ้าของช้างเชือกดังกล่าว จะได้หมดข้อขัดแย้ง ต้องดูที่มาตั๋วรูปพรรณของช้างว่าเหมือนกันแตกต่างกันอย่างไร ดูสัญญาซื้อขายประกอบ ว่าใครเป็นผู้ครอบครอง ช้างเชือกดังกล่าวทั้ง 2 ฝ่าย ระบุที่มาที่แตกต่างกัน ฝ่ายผู้ร้องอ้างว่าเป็นช้าง จาก จ.สุรินทร์ ส่วนเจ้าของปางช้างซื้อมาจาก อ.ควนกาหลง จ.สตูล แต่เดิมทีเป็นช้าง จ.ตาก ในส่วนนี้เมื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายพิสูจน์ได้ไม่ยาก ช้างมีลักษณะที่คล้ายกันได้ แต่ตำหนิของแต่ละเชือกไม่สามารถทำขึ้นได้ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ

ปศุสัตว์อำเภอเมืองภูเก็ต กล่าวต่อว่า สำหรับช้างของคุณพิชัย มีการตรวจดีเอ็นเอที่ จ.ตรัง เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เป็นการบันทึกผิดของเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีการตรวจ 2 ส่วน คือตัวเลขในเล่มทะเบียน และเลขสแกนเป็นเลขอะไร เจ้าหน้าที่อาจะทำผิดพลาด เจ้าหน้าที่ก็สามารถแก้ไขได้ หากเอาเอกสารไปยืนยัน ส่วนของผู้ร้องก็มีตั๋วรูปพรรณตรงกับพังโย ไม่ทราบว่าตรงกันได้อย่างไร ทั้งที่มาคนละจังหวัดกันและไม่น่าจะเกี่ยวกับการปลอมตั๋วรูปพรรณ ส่วนช้างตัวดังกล่าวนั้น ขณะนี้ได้อายัดไว้ที่ปางช้างดังกล่าวไว้ก่อน

ด้าน นายสุพจน์ ม่วงทอง ทนายความตัวแทนนายพิชัย พัวศุภเจริญ เจ้าของปางช้าง อะเมดซิ่ง บูกิต ซาฟารี กล่าวว่า เอกสารที่ฝ่ายผู้ร้องนำมาแสดงในวันนี้มีข้อพิรุธหลายอย่าง ตั้งแต่การลงประจำวันไม่มีการระบุเลขตั๋วรูปพรรณ มีแต่ลงชื่อพังโย ความจริงหากแจ้งความช้างหายจะต้องระบุเลขตั๋วรูปพรรณของช้างไว้ได้ นอกจากนั้นในวันที่ผู้ร้องพาเจ้าหน้าที่มายังปางช้าง มีการเอาเอกสารมาใบเดียว และมีหมายเลขในตั๋วรูปพรรณช้างที่มาแสดง แต่เอกสารฉบับจริงที่นำมาแสดงวันนี้พบว่าเลขตั๋วรูปพรรณที่เคยระบุหายไป จุดนี้คือข้อพิรุธ ยืนยันว่าเราซื้อช้างตัวดังกล่าวมาจาก นายเรวุฒิ ชื่นแก้ว ซื้อมาถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนั้นตำหนิของช้างยังแตกต่างกันหลายจุดเชื่อว่าคนละตัวกันแน่นอน.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง