หน่วยงานรัฐในจ.ภูเก็ต เข้าไกล่เกลี่ยขอคืนช้างพังที่หายไปกว่า 14 ปี สั่งทั้ง 2 ฝ่ายหาต้นขั้วออกตั๋วรูปพรรณช้างพร้อมหนังสือรับรองจากเจ้าหน้าที่ส่งสอบสวนข้อเท็จจริงภายใน 1 สัปดาห์
จากกรณีนายวัน เรียงเงิน และนายสมศักดิ์ เรียงเงิน เจ้าของพังโย ช้างพังอายุ 50 ปี ที่ถูกคนร้ายขโมยมาจากกระบี่ เมื่อปี 2546 หรือเมื่อ 14 ปีก่อน เข้าพบเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังทราบว่าพังดังกล่าวอยู่ที่ปางช้างแห่งหนึ่งใน ต.ฉลอง แต่ไม่สามารถตกลงกับเจ้าของปางช้างดังกล่าวได้ เนื่องจากอ้างว่าซื้อต่อมาในราคาสูง (ช้างหาย 14 ปี เจออยู่ที่ปางในภูเก็ต เจ้าของขอทหารเรือช่วยตามคืน)
นายนันทศักดิ์ บุนนาค หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ตพร้อมด้วยนายวัน นายสมศักดิ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ประกอบด้วย ตำรวจ ทัพเรือภาคที่ 3 ปลัดอำเภอเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดเข้าตรวจสอบช้างภายในปางช้าง ตามที่มีการประสานไว้ก่อนหน้า
นายเรวุฒิ ชื่นแก้ว อายุ 54 ปี กล่าวว่า ซื้อช้างตัวนี้ได้มาจากนายหน่อคำ ไม่ทราบนามสกุล เป็นเงิน 500,000 บาทเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งตนจำไม่ได้ว่าวันและปีใด เนื่องจากไม่ได้นำเอกสารติดตัวมาด้วย ต้องขอเวลากลับไปค้นเอกสารที่บ้านอีกครั้ง แต่หลังจากวันที่ซื้อขายเสร็จจนมาถึงวันนี้ตนก็ไม่เคยติดต่อกับนายหน่อคำอีกเลย ก่อนจะมาขายให้กับปางช้างเมื่อประมาณเดือน ก.พ.60 ในราคา 1,400,000 บาท
ด้านเจ้าของปางช้างได้แสดงความเห็นใจและยังยืนกรานว่า ฝ่ายตนเองซื้อมาถูกต้อง หากให้ช้างคืน จะทำให้สูญเสียเงินไปจำนวนมาก จึงขอให้มีการตรวจสอบให้ชัดเจน หลังพูดคุยเจ้าหน้าที่ จึงต้องทำการตรวจยืนยันอีกครั้ง ซึ่งจากการใช้เครื่องมือยิงไม่โครชิพช้างพบว่า เครื่องระบุเลขที่ 121675455 A แต่ในตั๋วรูปพรรณของนายวันระบุเลขที่ 121675455 ตกตัว A ส่วนตั๋วรูปพรรณของปางช้างระบุว่าชื่อ พังน้ำเพชร มีตำหนิเดียวกัน แต่เลขไม่โครชิพระบุ เป็นเลขที่ 121675544 ซึ่ง 3 ตัวหลังคลาดเคลื่อน จึงต้องมีการหารือกันใหม่
...
ทั้งนี้ได้ข้อสรุปว่าให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับไปขอตรวจสอบต้นขั้ว ณ สถานที่ขอออกตั๋วรูปพรรณช้าง ก่อนทำการคัดสำเนาและขอหนังสือรับรองจากเจ้าพนักงานว่าการออกเอกสารถูกต้อง เช่น ของครอบครัวเรียงเงินให้กลับไปขอที่ จ.สุรินทร์ และของปางช้างให้นายเรวุฒิผู้ที่ขายให้กับปางช้างไปขอจากต้นขั้วที่ออกและทำหนังสือรับรอง ก่อนมามอบให้พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ซึ่งเป็นสถานที่พบช้างทำบันทึกภายใน 1 สัปดาห์ ก่อนจะรวบรวมหลักฐานส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการแจ้งความหายไว้ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.