นายกฯ วางเป้านำประเทศพ้นกับดักชาติรายได้ปานกลาง ยันดูแล ปชช.ให้ดีที่สุด ชี้ไม่ต่อต้านนัก ปชต. แต่ต้องอยู่ในกรอบ ไม่บิดเบือน สร้างขัดแย้ง พ้อหมดแรงคนวิจารณ์ทหารอ้างทุจริตเพื่อปฏิวัติ

เมื่อวันที่ 17 มี.ค.60 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถา เรื่อง "การขับเคลื่อน Thailand 4.0 ด้านเกษตร อาหาร และเทคโนโลยีชีวภาพ" ตอนหนึ่งว่า เรานำความต้องการของประชาชนมาเป็นโจทย์ของรัฐบาล ซึ่งประเทศไทยมีเกษตรกรรมเป็นพื้นฐาน แต่ยังมีปัญหารายได้ไม่เพียงพอ ยืนยันรัฐบาลจะดูแลให้มากที่สุด เป้าหมายหลักคือนำประเทศพ้นกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ที่เป็นหลุมพรางให้เราตกร่องมาตลอดทาง เราจึงต้องหาวิธีเดินให้ปลอดภัยก้าวพ้นกับดักเดิมๆ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า จากผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโลก ทำให้ประเทศไทยประสบกับสภาวะฝนแล้งและฝนตกมากเกินไป รวมถึงกำลังเข้าสู่พายุฤดูร้อนที่หลายจังหวัดจะได้รับผลกระทบ จึงได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เตรียมความพร้อมเพื่อดูแลประชาชนแล้ว นอกจากนี้ในเดือน เม.ย. รัฐบาลจะเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบที่ 2 คาดว่าจะมีประชาชนมาลงทะเบียนประมาณ 14 ล้านคน รัฐบาลต้องการจัดระบบเพื่อดูแลในด้านสวัสดิการ ดังนั้นรัฐบาลไม่เคยคิดจะล้มอะไรทั้งสิ้น มีแต่จะทำให้ดีขึ้นหากมีเงินพอ จึงอย่ากล่าวหาว่ารัฐบาลจะไปลดสิทธิประโยชน์ของประชาชน เหมือนที่ตนพูดเรื่องภาษีแต่กลับนำมาบิดเบือน ยืนยันอะไรที่ขัดแย้งสูงรัฐบาลจะไม่ทำ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ยังมีหลายคนอยากกลับไปเป็นแบบเดิม โดยอ้างประชาธิปไตย ซึ่งยืนยันว่าไม่เคยต่อต้าน และตนเป็นนักประชาธิปไตย แต่ทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบที่ถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนและไม่ขัดแย้ง ต้องมีการจัดระเบียบไม่ใช่ละเมิดสิทธิมนุษยชน และยืนยันว่าไม่ได้รังแกใคร และทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทำเพื่อคน 70 ล้านคน จึงขอให้ทุกคนช่วยกันลดความขัดแย้ง ช่วยกันปรองดอง อย่าไปร่วมขัดแย้งกับใคร 

...

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าไม่ได้เข้ามาเพื่อผลประโยชน์หรือตักตวงใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ได้คิดจะทวงบุญคุณใคร ทหารตายตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา เพราะต้องไปรบอย่างน้อยก็รถคว่ำ ขณะเดียวกันก็มีคนบอกว่าประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาคอร์รัปชันมากนัก แต่เป็นปัญหาที่ทหารยกมาอ้างเพื่อปฏิวัติ ตนฟังแล้วหมดแรง ปวดหัว และยืนยันว่าตนและรัฐบาลทุกคนพยายามแก้ปัญหาเหล่านี้ ดังนั้นหากพบว่าใครมีความผิดก็นำข้อมูลมาให้ดูได้ อย่างไรก็ตามวันนี้มีหลายคนเอาไปอ้าง ตนไม่เคยรู้จักหรือพบใคร อาจจะมีคนรู้จักห้อมล้อม ซึ่งมีทั้งคนดีและไม่ดี

"ผมจะเล่าให้ฟัง วันสองวันนี้ ได้ข้อมูลมาว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งไปกินข้าวที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ตอนกำลังรับประทานอยู่ก็บอกว่าวันนี้สั่งแต่อาหารที่นายกฯ ชอบทั้งนั้น ผมยังไม่รู้ผมชอบอะไรเลย ยังพูดอีกว่านึกถึงนายกฯ เขานะ เดี๋ยวโทรหานายกฯ ดีกว่า แล้วทำว่าโทรศัพท์ ฮัลโหลว่าไงคะ โทรจริงหรือเปล่าไม่รู้ แล้วบอกเดี๋ยวสั่งใส่กล่องให้นายกฯ ด้วย คนแบบนี้เยอะ อ้างจนเละไปหมด ผมไม่เข้าใจเป็นอะไร อ้างคนนู้นคนนี้ทำไมเห็นแก่ตัวแบบนี้ ผมเข้ามาเพื่อเหตุผลและความจำเป็นจะแก้เรื่องเหล่านี้ จึงไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด มีทั้งรัฐมนตรี รองนายกฯ โดนหมดทุกคน สนิทกับทุกคน บอกเป็นสายคนนั้นคนนี้ ขับรถผ่านหน้าบ้านก็บอกว่ารู้จักกัน ผมไม่อยากว่ามากนัก แต่คนที่ไปเชื่อมันอันตราย อย่าเชื่อโดยไม่มีเหตุผล ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ แต่เป็นคนมีเหตุผล และวันนี้ผมมีเพื่อนไม่กี่คนที่เป็นรัฐมนตรี นอกนั้นทิ้งผมไปหมดแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันยังมีคนวิจารณ์ว่าเหตุใดถึงส่งผู้แทนไปชี้แจงในการประชุมคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกันมากมาย ซึ่งไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขาไล่ขนาดไหน ซึ่งยืนยันว่าเราชี้แจงทุกเรื่อง รวมถึงการใช้อำนาจมาตรา 44 นอกจากนี้ย้ำว่ารัฐธรรมนูญเขียนเพื่อปวงชนชาวไทยทุกคน ซึ่งวันนี้ต้องสงบให้ได้ หลายเรื่องเอาความคิดเดิมไปต่อต้าน ก็ไปไม่ได้จะเจ๊งเหมือนเดิม ทำไปไร้ค่า ไร้ประโยชน์ ตนไม่เก่งเรื่องวิชาการ แต่เก่งเรื่องการทำให้เป็นรูปธรรม ตามนิสัยของทหาร จึงต้องทำงานที่ได้รับให้แล้วเสร็จ

"ที่ผ่านมาเราหลงทางกันเองไม่มองจุดสุดท้าย ตอนนี้ข้าราชการที่บอกให้เป็นสะพานหลังแอ่นกันหมดแล้ว อะไรก็ไปไม่ได้ ทั้งเรือแป๊ะ เรือป้อม ล่มไปไม่ได้หมด มันช่างไปเขียนกันจริงๆ พูดกันอยู่ได้ เรือป้อม เรือพ่วง ทั้งนี้ประชาธิปไตยต้องปรับเปลี่ยนต่อเติม ผมไม่ได้ทำลาย คนเราต้องช่วยกัน เอาน้ำ ปูน ทราย มาก่อ คสช.หรือผมทำคนเดียวไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.