พระวรพจน์ ที่ถูก ผช.เจ้าอาวาส วัดอรัญญิกาวาส และลูกจ้างเทศบาลเมืองบ้านสวน ชกต่อย-เตะ สิ้นใจแล้ว หลังนอนไม่รู้สึกตัวตั้งแต่ 27 ก.พ. จากที่จะเข้าไปเก็บข้าวของในกุฏิพระลูกวัดเพื่อจะซ่อมแซม จนกลายมามีเรื่องกันขึ้น ล่าสุด จนท.ตร.ได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติม เมื่อพระลูกวัดที่ถูกทำร้ายมรณะ...

จากกรณี พระวรพจน์ เจริญสุข อายุ 71 ปี พระลูกวัดอรัญญิกาวาส (วัดป่า) อ.เมืองชลบุรี ถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสไม่ได้สติ แพทย์นำตัวเข้ารักษาในห้องไอซียู ใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนผู้ก่อเหตุคือ พระครูปลัดไพบูลย์ ประเสริฐพันธ์ อายุ 51 ปี เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดวัดป่าอรัญญิกาวาส และนายเสาวรัตน์ หาดแล้ว อายุ 48 ปี ลูกจ้างชั่วคราวเทศบาลเมืองบ้านสวน อ.เมืองชลบุรี พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ พระครูปลัดไพบูลย์ และนายเสาวรัตน์ จากศาลจังหวัดชลบุรี ข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส

พ.ต.อ.สมโชค ผกก.สภ.เมืองชลบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ. พระวรพจน์ เจริญสุข อยู่ในกุฏิ ได้มีพระปลัดไพบูลย์ และนายเสาวรัตน์ เข้ามาในกุฏิแจ้งพระวรพจน์ให้รื้อของออกจากกุฏิ และให้ไปอยู่กุฏิหลังอื่นแทน เนื่องจากจะซ่อมแซมทาสีกุฏิ จากนั้นพระปลัดไพบูลย์ใช้ให้นายเสาวรัตน์ไปหยิบจีวรและสิ่งของในกุฏิของพระวรพจน์ ออกไปทิ้งใส่รถเก็บขยะ พระวรพจน์ได้วิ่งตามไปเอาจีวรของตนเองคืน ระหว่างที่พระวรพจน์หยิบจีวรออกจากรถเก็บขยะ ได้ถูกพระครูปลัดไพบูลย์ชกต่อยเข้าที่ใบหน้าปลายคาง 3 ที จนพระวรพจน์ล้มลง

จากนั้นพระครูปลัดไพบูลย์ใช้เท้าขวาเตะเข้าที่ปลายคางของพระวรพจน์จนอยู่ในอาการสะลึมสะลือ ต่อมาพระวรพจน์เห็นนายเสาวรัตน์เก็บของออกจากกุฏิของตนเอง จึงเข้าต่อว่าและได้ถือไม้ไปไล่ตีนายเสาวรัตน์ไม่ให้เก็บของของตนเอง ทำให้นายเสาวรัตน์ชกต่อยพระวรพจน์ไป 1 ที ถูกเข้าที่บริเวณคอหอยจนพระวรพจน์ล้มลง และเมื่อพระวรพจน์ลุกขึ้นก้าวเดินไปได้ประมาณ 4 – 5 ก้าว ก็ล้มลง ร่างชักกระตุก และหมดสติก่อนถูกนำส่ง รพ.ชลบุรี โดยแพทย์เห็นอาการพระวรพจน์ยังไม่ได้สติ จึงรีบนำเข้าห้องไอซียู ใช้เครื่องช่วยหายใจตั้งแต่วันเกิดเหตุเป็นต้นมา

...

ต่อมาวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา พระครูปลัดไพบูลย์ กับ นายเสาวรัตน์ รู้ว่าถูกออกหมายจับ จึงพากันเข้ามอบตัวกับ ผกก.สภ.เมืองชลบุรี พร้อมกับให้ญาติทำเรื่องขอประกันตัวโดยวางหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นเงินสดคนละ 100,000 บาท พ.ต.อ.สมโชค เห็นว่าผู้ต้องหาทั้งสองมีหน้าที่การงานเป็นหลักแหล่ง จึงอนุญาตให้ประกันตัว กระทั่งคืนวันที่ 5 มี.ค. พ.ต.ท.ชินวัชร์ ธิศาลา สว.สอบสวน สภ.เมืองชลบุรี เจ้าของคดีนี้ ได้รับแจ้งจากทาง รพ.ชลบุรี ว่า พระวรพจน์ได้มรณภาพลงแล้ว

จากนั้นเวลา 15.30 น. วันที่ 6 มี.ค. น.ส.นพเก้า ตวงกิจถนอม อายุ 77 ปี พี่สาวของพระวรพจน์ ผู้เสียชีวิต ซึ่งเดินทางเข้ารับศพ ที่ รพ.ชลบุรี กล่าวว่า พระวรพจน์ไม่มีครอบครัว บวชที่วัดป่ามาตั้งแต่อายุ 30 ปี ถึงขณะนี้พระวรพจน์อายุ 71 ปี เท่ากับ พระวรพจน์บวชมานานรวมแล้ว 41 ปี หลังจากเกิดเหตุน้องชายก็ไม่ได้สติแล้ว คาดว่าอาจจะได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง มีแต่เพียงลมหายใจเท่านั้น ร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ทางแพทย์ก็พยายามใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อช่วยเหลือจนกระทั่งน้องชายมาเสียชีวิตในที่สุด ส่วนศพของพระวรพจน์ นำออกจาก รพ.ชลบุรี แล้วก็จะไปตั้งบำเพ็ญกุศลจัดพิธีสวดอภิธรรมที่วัดอรัญญิกาวาส (วัดป่า) 7 คืน

พ.ต.ท.ชินวัชร์ ธิศาลา สว.สอบสวน สภ.เมืองชลบุรี เจ้าของคดีนี้ก็ได้เรียกตัวพระครูปลัดไพบูลย์ และนายเสาวรัตน์ เข้าพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ฐานความผิดร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย โดยมี พ.ต.อ.สมโชค ตาผล ผกก.สภ.เมืองชลบุรี ร่วมรับมอบตัวและสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองยังคงยืนกรานให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมขอประกันตัวโดย พ.ต.อ.สมโชค ตาผล ผกก.สภ.เมืองชลบุรี เห็นว่าผู้ต้องหาทั้งสองมีหน้าที่ทำงานและมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงอนุญาตให้ประกันตัวไป โดยให้เพิ่งวงเงินประกันตัวเพิ่มอีกคนละ 50,000 บาท

ขณะที่พระครูปลัดไพบูลย์กล่าวว่า วันเกิดเหตุเจ้าอาวาสสั่งอาตมาให้ประสานเทศบาลเมืองบ้านสวนมาช่วยเก็บข้าวของในวัดที่รกร้างและกุฏิของพระวรพจน์ ทำให้ไม่พอใจจนเกิดมีปากเสียงกัน ก่อนที่พระวรพจน์จะไปหยิบเสียมมาตีอาตมาก่อน อาตมาจึงป้องกันตัว แต่อาตมายืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายพระวรพจน์แต่อย่างใด และไม่มีเจตนาจะฆ่าเลย ในส่วนของการสึกเนื่องจากผิดวินัยสงฆ์นั้น ขอให้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาพิจารณาตามความผิดที่เกิดขึ้น เหตุใดพระบางรูปที่ขึ้นศาลจึงยังไม่ต้องสึก แต่อย่างไรก็ตามหากทางเจ้าคณะอำเภอเมืองชลบุรีพิจารณาเห็นว่า อาตมาควรสึก อาตมาก็ยอมรับ

ด้าน นายเสาวรัตน์ หาดแก้ว เผยว่า วันเกิดเหตุตนเข้าไปเก็บขยะที่วัด ด้วยความที่เป็นชาวพุทธ เมื่อเห็นพระทะเลาะกันจึงเข้าห้ามปราม แต่กลับสร้างความไม่พอใจให้กับ พระวรพจน์ โดยพระวรพจน์หันไปหยิบเสียมมาฟาดศีรษะตนจนบวมปูดโน ด้วยความโมโหจึงได้เหวี่ยงมือไปโดยไม่รู้ว่าจะโดนใคร หากตนมีเจตนาจะฆ่าพระวรพจน์จริง พระวรพจน์คงนอนสลบอยู่ที่เกิดเหตุแล้ว อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนขอโทษที่ทำให้สะเทือนใจชาวพุทธ ตอนนี้ตนคิดแค่ว่าไม่น่าทำเช่นนั้นเลย.