ตำรวจกองปราบปรามตามจับสาวประเภทสอง อ้างตัวเป็นร่างทรง “เจ้าหญิงเมืองแก้ว” เชิงสอนธรรมะ ก่อนลวงเหยื่อร่วมทำบุญ หากบริจาคได้ถึง 18 ล้านจะบรรลุพระโสดาบัน รวมแล้วมูลค่าความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท ขณะเจ้าตัวอ้างไม่ได้หลอกลวง ทั้งหมดเกิดจากแรงศรัทธา
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 27 ก.พ.60 ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.พารินท จันทร์เลิศ พ.ต.ท.วันพิชิต วัฒนศักดิ์มณฑา รอง ผกก. พ.ต.ท.มนต์ชัย เพ็งเลิศ สว.กก.5 บก.ป. แถลงจับกุม นายอาทิตย์ตยา แสนยาธรรมโฆษ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาคดี "ฉ้อโกง" โดยจับกุมตัวได้ที่สำนักทรงไม่มีชื่อ เลขที่ 134 ม.6 ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี
พล.ต.ต.สุทิน เปิดเผยว่า มีกลุ่มผู้เสียหายหลายรายเข้ามาร้องทุกข์ว่า ถูกนายอาทิตย์ตยา สาวประเภทสอง อ้างตัวเป็นร่างทรง “เจ้าหญิงเมืองแก้ว” ชักชวนเหยื่อซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีฐานะและพักอยู่ในต่างประเทศ เพื่อให้เข้ามาปฏิบัติธรรม โดยเริ่มจากการสอนธรรมะผ่านทางกลุ่ม "ไลน์" หลังจากผู้เสียหายหลงเชื่อ ก็จะหลอกให้เดินทางมาปฏิบัติธรรมที่ประเทศไทย
พล.ต.ต.สุทิน กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ในการสอบสวนผู้เสียหายให้การด้วยว่า ผู้ต้องหาจะสอนธรรมะไปในทางที่ผิดคำสอนทางศาสนา บางรายก็ถึงกับให้เลิกกับสามี โดยให้ฟ้องหย่าเพื่อนำเงินมาร่วมทำบุญ โดยจะสอนให้มีการบริจาคเงินเป็นจำนวนมากๆ แม้ว่าเงินนั้นจะได้มาจากการทุจริตก็ตาม นอกจากนี้ระหว่างมาปฏิบัติธรรมก็ห้ามไม่ให้เหยื่อติดต่อกับญาติพี่น้องด้วย ระหว่างนี้ก็จะมีผู้ร่วมขบวนการคอยเล่าเรื่องราวอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ ของผู้ต้องหา เพื่อคอยโน้มน้าวชักจูงใจให้กับกลุ่มผู้เสียหายให้หลงเชื่อ
...
พล.ต.ต.สุทิน กล่าวอีกว่า บางครั้งนายอาทิตย์ตยาจะแสดงตัวเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ เข้าทรงเป็นเจ้าหญิงเมืองแก้ว ดัดเสียงได้ทั้งเสียงผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก เพื่อทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ก่อนโน้มน้าวให้ร่วมทำบุญกับร่างทรง ถ้ายิ่งทำบุญมากเท่าไร จะได้บุญกุศลมาก หากทำบุญสูงถึง 18 ล้านบาท กุศลจะส่งให้ถึงขั้นบรรลุโสดาบันได้ หากรวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านบาท ผู้เสียหายบางรายถูกหลอกไปเป็นเงินถึง 49 ล้านบาท
“หลังจากนี้ไป กองปราบฯ จะตรวจสอบสำนักทรงเจ้าเข้าผีต่างๆ ทั่วประเทศ ว่ามีพฤติกรรมที่เข้าข่ายความผิดในคดีต่างๆ หรือไม่ อย่างไรก็ตามอยากฝากไปถึงประชาชนว่า การทำบุญทำได้ แต่ควรทำแต่พอดี ไม่เดือดร้อนตัวเองด้วย” ผบก.ป. กล่าว
ส่วนการสอบสวน นายอาทิตย์ตยา เบื้องต้นยังให้การภาคเสธ โดยอ้างว่า เงินทั้งหมดนั้นเป็นเงินบริจาคมาร่วมสร้างสำนักปฏิบัติธรรม ทั้งหมดเกิดจากแรงศรัทธาของผู้ที่มีความชอบ ความคิด และศึกษาเหมือนๆ กัน เพื่อมาร่วมกันสร้างสำนัก เพื่อใช้ปฏิบัติธรรมในบั้นปลายของชีวิต ไม่ได้เป็นการหลอกลวงแต่อย่างใด ซึ่งเงินทั้งหมดอยู่ในบัญชีส่วนกลาง ตนไม่มีสิทธิ์ในการเบิกจ่ายอยู่แล้ว ภายหลังการสอบสวนจึงส่งตัวผู้ต้องหาให้ สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีต่อไป.